คมนาคมไฟเขียวสร้างส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสีแดงทั่วกรุง ขยายทั่วทิศ ถึงอยุธยา-ฉะเชิงเทรา-นครปฐม



นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ส่วนต่อขยายว่า ขณะนี้ทาง รฟท. อยู่ในขั้นตอนการว่าจ้างที่ปรึกษาให้เข้ามากำหนดเงื่อนไขในการประกวดราคา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปี 64 ซึ่งตามนโยบายของกระทรวงคมนาคมชัดเจนว่าให้ รฟท. เร่งดำเนินการ ส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดงทุกทิศทาง ดังนั้นหากได้บริษัทที่ปรึกษามากำหนดหลักเกณฑ์แล้วภาพรวมจะชัดเจนมากขึ้น ซึ่งรูปแบบการลงทุนนั้นจะเป็นการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ พีพีพี คัดเลือกเอกชนให้เข้ามาดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีแดง และระบบเดินรถทั้งหมด เพียงรายเดียว ขณะเดียวกันเอกชนที่ผ่านเข้ามาดำเนินการจะได้สิทธิ์ในการเดินรถ รถไฟสายสีแดงชานเมือง เส้นทาง บางซื่อ-ตลิ่งชัน, บางซื่อ-รังสิต ด้วย

สำหรับส่วนต่อขยายรถไฟชานเมืองสายสีแดงนั้น ทางด้านทิศเหนือ จะมีการต่อขยายจาก รังสิต-ธรรมศาสตร์-อยุธยา, ทางด้านทิศตะวันออก จะมีการต่อขยายจาก บางซื่อ-หัวหมาก-ฉะเชิงเทรา ,ทางด้านทิศตะวันตก ต่อขยายจากตลิ่งชัน-ศาลายา-นครปฐม 

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก กระทรวงคมนาคมว่า ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติให้ กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการในโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงส่วนต่อขยาย 4 โครงการเพิ่มเติมระยะทางรวม 55.2กม.กรอบวงเงินลงทุนรวม 67,573 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.ส่วนต่อขยายจากรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. ซึ่งจะเป็นงานโยธา 4,041 ล้านบาท งานระบบ 2,219 ล้านบาท ,2.ส่วนต่อขยายจากตลิ่งชัน-ศาลายา  ระยะทาง 14.8 กม. เป็นงานโยธา 7,631 ล้านบาท งานระบบ 2,561ล้านบาท

3.ส่วนต่อขยายตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทาง 5.7 กม. เป็นงานโยธา 2,884 ล้านบาท งานระบบ 3,751 ล้านบาท  และ 4.ส่วนต่อขยาย บางซื่อ-มักกะสัน-หัวหมาก ระยะทาง 25.9 กม. เป็นงานโยธา 25,249 ล้านบาท  งานระบบ 18,697ล้านบาทล่าสุดทาง รฟท. จะมีการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อมากำหนดรูปแบบในการดำเนินการ

นอกจากนั้นยังได้เคยมีการศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบการลงทุน การก่อสร้างส่วนต่อขยายใหม่ และการบริหารรวมของรถไฟชานเมืองส่วนแรกไว้ ทั้งแบบ รฟท.ลงทุนเองทั้งหมด กับ รูปแบบร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ พีพีพี ในส่วนต่อขยายทั้ง 4โครงการรวมสิทธิการเดินรถส่วนแรกที่ให้บริการ

โดยมีการเปรียบเทียบว่า หาก รฟท. ลงทุนเองในส่วนต่อขยาย ต้องหางบประมาณมาลงทุนรวมกว่า 67,573ล้านบาทขณะที่การลงทุนสายสีแดง ที่ผ่านมาช่วง บางซื่อ-รังสิต บางซื่อ-ตลิ่งชัน กว่า 107,088 ล้านบาท ขณะเดียวกัน รฟท. ไม่ได้รับสิทธิเดินรถ ช่วงบางซื่อ-รังสิต 32,963 ล้านบาท นอกจากนั้น รฟท.ยังมีความเสี่ยงจากการขาดทุนในการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงกว่า 4,500 ล้านบาท

ส่วนกรณีที่หาก รฟท. เปิดรูปแบบร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ พีพีพี ในส่วนต่อขยายทั้ง4โครงการรวมได้สิทธิการเดินรถส่วนแรกที่ให้บริการไปก่อนหน้า แนวทางนี้เอกชนที่ผ่านการคัดเลือกจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมดกว่า100,536 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโยธา รวมระบบ 4 โครงการต่อขยายสายสีแดง วงเงิน 67,573ล้านบาท  และยังได้สิทธิเดินรถเดิมกว่า 32,963 ล้านบาท ซึ่งแนวทางพีพีพีนี้ รฟท.จะได้ประโชยชน์จากผลประโยชน ์และส่วนแบ่งรายได้รวมกว่า 65,231ล้านบาท และรูปแบบนี้รัฐจะทยอยจ่ายคืนงานโยธาในภายหลังไม่น้อยกว่า 10 ปี เช่นเดียวกับโครงการ พีพีพี ที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังช่วยใหเ รฟท.จะลดการขาดทุนะสมกว่า 4,500 ล้านบาท