คมนาคมเดินหน้ากางแผนเมกะโปรเจคท์ ปี65-69มั่นใจกระตุ้นจีดีพีดึงเอกชนลงทุน



ปัจจุบันประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจจากการระบาดไวรัสโควิดครั้งใหญ่ จนทำให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจหยุดชะงักแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก การท่องเที่ยว หรือการลงทุนเอกชน เหลือเพียงความหวังเดียว ที่ต่อลมหายใจเศรษฐกิจไทยได้ก็คือการลงทุนจากภาครัฐ โดย”นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองหลักที่จะผลักดันโครงการเมกะโปรเจคท์ ทั้ง น้ำ ราง ถนน อากาศให้เป็นรูปธรรม ได้ฉายภาพให้เห็นในอนาคตอีก 3-5 ปีข้างหน้าว่า ประเทศไทยจะมีโครงการลงทุนอะไรเกิดขึ้น และเพียงพอที่จะเป็นความหวังช่วยประคองเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้

นายศักดิ์สยาม เผยว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้เดินหน้าลงทุนพัฒนาเมกะโปรเจคท์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนรถไฟทางคู่ รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ หรือการพัฒนาสนามบิน แต่ในสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ปกติที่เกิดขึ้นเช่นนี้ กระทรวงคมนาคมได้เพิ่มความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน และกระจายรายได้ให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น

  • แผนลงทุนน้ำ-ราง-ถนน-อากาศ

โดยเฉพาะในปี 2564 ได้ตั้งเป้าหมายเร่งรัดโครงการที่ลงทุนอยู่แล้วหลายโครงการให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้ เช่น การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีแดงและสถานีกลางบางซื่อ การปรับเวลาเดินรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป การทำบัตรโดยสารเชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกระบบ การพัฒนารถไฟทางคู่ การพัฒนาการขนส่งสินค้าทางน้ำจากท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบฯ ไปท่าเรือแหลมฉบังท่าเรือกรุงเทพ และการพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาคเป็นศูนย์กลางรวบรวมผลผลิตกระจายสินค้า

ส่วนแผนการลงทุนเมกะโปรเจคที่จะเกิดขึ้นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า (ปี 2565-2569) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกการขับเคลื่อนโครงการที่มีการศึกษาไว้แล้วให้เกิดขึ้นจริง ประกอบด้วย แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางถนน อาทิ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว อยู่ระหว่างการเสนอ ครม. โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายนครปฐม – ชะอำ ที่รอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณา และอีก 2 โครงการ คือ โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายศรีนครินทร์ – สุวรรณภูมิ กับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายวงแหวนกาญจนาภิเษกด้านตะวันตก ช่วงบางขุนเทียน – บางบัวทอง ที่กำลังศึกษารูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนแบบพีพีพี

แผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางราง ก็เป็นการลงทุนที่สำคัญมากเช่นกัน เพราะนอกจากช่วยอัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว ยังช่วยเพิ่มศักยภาพการขนส่งโลจิสติกส์ของประเทศด้วย ได้แก่ การก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 สายทาง ระยะทางรวม 1,483 กม.ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แล้วยังมีโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ สายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และสายบ้านไผ่ – มหาสารคาม – ร้อยเอ็ด – มุกดาหาร – นครพนม ระยะทางรวม 681 กม. ซึ่งกำลังรอออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน

นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนารถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงหัวลำโพง – วงเวียนใหญ่ – มหาชัย รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย – ลำสาลี ที่กำลังศึกษาทบทวนแบบ รวมถึงมีโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพ – หนองคาย และโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมถึงแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ มีโครงการใหญ่ๆ เช่น โครงการร่วมทุนพีพีพีพัฒนาท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่ที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และแผนการลงทุนทางอากาศ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 ซึ่งล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาขน) ได้เห็นชอบแผนไปแล้ว

  • ปลุกจีดีพี-กระตุ้นเอกชนลงทุน

“ผมมั่นใจว่าการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีอยู่นี้ จะมีความเป็นรูปธรรม และช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนต่อเนื่องจากจากภาคเอกชนได้ เพราะโดยพื้นฐานเมื่อเกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมจะช่วยให้เกิดการกระจายการพัฒนาเมือง และต่อยอดไปสู่การลงทุนอื่นๆของเอกชนตามมา ซึ่งกระทรวงก็พร้อมให้ความมั่นใจจะเดินหน้าแผนลงทุนตามที่ประกาศไว้ เพื่อให้ภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในการวางแผนลงทุนได้ รวมถึงพร้อมสนับสนุนให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมลงทุนตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ให้มากที่สุด เพื่อกระตุ้นการจ้างงาน การสร้างรายได้ และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศในภาวะวิกฤต”

นอกจากนี้ยังมีนโยบายเพิ่มเติมโครงการลงทุนใหม่เพื่อขับเคลื่อนประเทศ ได้แก่ โครงการเอ็มอาร์-แม็พ พัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและรถไฟในการใช้ประโยชน์เขตทางร่วมกันเพื่อลดการเวนคืนที่ดิน โครงการแลนด์บริดจ์ ท่าเรือชุมพร–ท่าเรือระนองเชื่อมการขนส่งอ่าวไทยและอันดามัน การตั้งศูนย์จัดจำหน่ายและกระจายสินค้าโอทอป การพัฒนายานพาหนะด้วยพลังงานไฟฟ้า ทั้งรถยนต์ เรือโดยสาร และรถไฟทางไกล

โครงการลงทุนการแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางด่วน ได้แก่ ทางหลวงพิเศษหมายเลข เอ็ม7 ช่วงศรีนครินทร์ – สุวรรณภูมิ ถนนประเสริฐมนูกิจ – งามวงศ์วาน ทางด่วนขั้นที่ 1 ต่างระดับอาจณรงค์ และทางด่วนขั้นที่ 1 ช่วงสะพานพระราม 9-พระราม 2 การพัฒนาโครงข่ายร่วมกันระหว่างทางพิเศษสายกะทู้ – ป่าตอง จังหวัดภูเก็ต และทางหลวงแนวใหม่สายเมืองใหม่ – เกาะแก้ว เป็นต้น

  • ดันไทยแข่งขันโลจิสติกส์ภูมิภาค

ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ประเมินว่าแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะเป็นปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศปีนี้กลับมาขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3.5-4.5% ซึ่งฟื้นตัวจากปี 63 ที่เศรษฐกิจหดตัวไป 6.1% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการกลับมาขยายตัวของกำลังซื้อภายในประเทศ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และปริมาณการค้าโลกด้วย

แต่นอกเหนือกว่านั้น สิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน คือ การช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางโลจิสติกส์ของประเทศในระยาว โดยการสนับสนุนให้เกิดการชิป โหมด ปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งที่ประหยัด ลดต้นทุน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสามารถเชื่อมต่อการเดินทางและการขนส่งสินค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน และสนับสนุนให้ไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2561-2580 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2565) ซึ่งแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่

ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2561 – 2565) มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาพื้นฐานเร่งด่วน และเร่งผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในส่วนที่ไม่สมบูรณ์ ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566 – 2570) พัฒนาต่อจากระยะที่ 1 โดยดำเนินการพัฒนาระบบความปลอดภัยทางถนน พัฒนาระบบคมนาคมขนส่งที่ส่งเสริมระบบโลจิสติกส์ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2571 – 2575) พัฒนาต่อจากระยะที่ 2 โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของตนเอง เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง และระยะที่ 4 (พ.ศ. 2576 – 2580) พัฒนาต่อจากระยะที่ 3 โดยเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของตนเอง เพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง

เห็นได้ว่าการลงทุนพัฒนาเมกะโปรเจคท์โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และอนาคต จะไม่ใช่แค่เป็นการต่อลมหายใจทางเศรษฐกิจในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้ในระยะยาวได้อีกด้วย