

- ทั้งใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ทั้งหมดหรือยัง-ใช้เงิน 5 หมื่นล้านเสริมสภาพคล่อง
- “ชาญศิลป์” แจงขอเพิ่มทุน 5 หมื่น เพื่อให้บินไทยเดินหน้าธุรกิจต่อ
- ส่วนกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นเรื่องของรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงคมนาคม ว่า ภายหลังจากที่มีการประชุมหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข, เป็นประธาน พร้อมด้วยนายสุพัฒน์พงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ,นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมวคลัง และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ผู้จัดทำแผนฟื้นฟูการบินไทย ,ที่ปรึกษาทางการเงิน ,บริษัทที่ปรึกษากฎหมาย และผู้บริหารการบินไทย โดยมีการประชุมเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ไม่มีข้อสรุป ทำให้ต้องมีการประชุมหารือต่อเนื่องอีกครั้งเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2564 โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน
ทั้งนี้ที่ประชุมได้หารือระหว่าง การบินไทย กับกระทรวงคมนาคม โดยการบินไทย ยืนยันที่จะเสนอขอรับการสนับสนุนเงินจากภาครัฐวงเงิน 50,000 ล้านบาท และขอให้กระทรวงคมนาคมสนับสนุนกรณีดังกล่าวด้วย เพื่อเสริมสภาพคล่องระยะสั้นให้กับการบินไทย เพื่อให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้ โดยเรื่องดังกล่าว กระทรวงคมนาคม ได้มีความเห็นแย้งกับการบินไทย และกระทรวงการคลัง เนื่องจากมองว่าการเพิ่มเงิน หรือการเพิ่มทุน ไม่ได้ช่วยให้การบินไทยได้ไปต่อจริง
ดังนั้นกระทรวงคมนาคม จึงขอตั้งคำถาม 3 ประเด็น โดยประเด็นแรก การบริหารจัดการดำเนินงานใช้สินทรัพย์และการหาโอกาสเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจจากหน่วยธุรกิจ (Business Units) หรือ BU ทั้ง 5 กิจการของการบินไทย ซึ่งประกอบไปด้วย ครัวการบินไทย , คาร์โก้ , การบริการภาคพื้นดิน, ธุรกิจการบิน , ศูนย์ซ่อมอากาศยาน หรือไม่ หากดำเนินการจริง เหตุใดไม่ปรากฎในแผนทั้งการระดมทุน และการทำการบินไทยให้เป็นโฮลดิ้ง

ประเด็นที่2 ได้มีการประเมินสถานการณ์ กรณีการเพิ่มทุนด้วยการใส่เงินจำนวน 50,000 ล้านบาทจากภาครัฐและการกู้ยืมเงิน โดยรัฐค้ำประกันนั้น การบินไทย มีแผนปฎิบัติการและดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ธุรกิจการบินไทย้เดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้การบินไทยกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติ และสายการบินที่ดีที่สุดของประเทศไทย รวมถึงแผนการดำเนินการลดต้นทุน หรือการบริหารจัดการ เพื่อให้การบินไทยกลับมามีกำไรในอนาคต เนื่องจากธุรกิจสายการบินในขณะนี้ มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ และมีความอ่อนไหวมาก จะทำให้ต้นทุนการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น และหากไม่สามารถบริหารจัดการต้นทุนทางธุรกิจได้ภายในระยะเวลา 1 -2 ปี การบินไทยจะมีวิธีการดำเนินการจัดการอย่างไร ดังนั้นการบินไทย ควรประเมินสถานการณ์ ให้ครอบคลุมความเสี่ยงทุกมิติและรอบด้าน
และประเด็นที่3. การจะสร้างความความน่าเชื่อถือขององค์กรต่อการทำธุรกิจ
อย่างไร หากไม่ปรับเปลี่ยนการบริหารงานไปสู่ในรูปแบบเอกชนได้ เนื่องจากบุคลากรเดิมยังมีวัฒนธรรมการทำงานในรูปแบบเดิมๆ ซึ่งที่ผ่านมาการบินไทย เคยประสบความล้มเหลวในการฟื้นฟูกิจการมาตลอด ดังนั้นการบินไทยควรแสดงแนวทางการดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจนด้วย และสามารถตอบคำถามสังคมได้ครบทุกประเด็นเช่นกัน
ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทย หนึ่งในเป็นผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทย กล่าวว่า สถานะของการบินไทยตอนนี้คือ เป็นเรื่องของเจ้าหนี้ และเจ้าของการบินไทยที่จะดำเนินการ ส่วนการบินไทยถือเป็นลูกหนี้ ที่จะต้องเสนอแผนให้เจ้าหนี้พิจารณา เพราะขั้นตอนอยู่ในกระบวนการเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ ส่วนประเด็นการเสนอขอสนับสนุนให้ภาครัฐอนุมัติเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องจำนวน 50,000 ล้านบาทนั้น ได้ระบุชัดเจนในแผนฟื้นฟู แบ่งเป็นภาครัฐใส่เงินมา 25,000 ล้านบาท และอีก 25,000 ล้านบาทเป็นการกู้ หรือออกเป็นหุ้นกู้ เป็นต้น ซึ่งวงเงินดังกล่าวเป็นการทยอยจ่ายภายในระยะเวลา 1-2 ปี และเป็นเงินก้อนเดียวครั้งเดียว ที่จะนำมาฟื้นฟูกิจการ สำหรับกรณีที่จะเพิ่มทุนปีละ 50,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3-5ปีนั้น ไม่เป็นความจริง
“ประเด็นที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่า มีความพยายามที่จะนำการบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้งนั้น ในเรื่องนี้ อยากบอกว่าการกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้งหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะให้ความเห็นชอบ วอนอย่ามองรัฐวิสาหกิจเป็นตัวร้ายที่ต้องร้องขอความช่วยเหลือตลอดเวลา รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคภาครัฐก็ต้องสนับสนุนเป็นเรื่องปกติ และการกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอาจเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นดีแบบ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ ปตท. มีถมไป”