นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลได้คลายล็อกดาวน์ ตั้งแต่ 1 ก.ย. 64 น้ัน ส่งผลให้มีประชาชน ออกมาใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น ขณะเดียวกันทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ได้กำหนดให้มีการจัดบริการขนส่งสาธารณะให้เพียงพอต่อความจำเป็นและตามเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางของประชาชนนั้น ทางกระทรวงคมนาคม จึงได้ประชุมหารือร่วมกับ องค์การขนส่งมวลชกรุงเทพ (ขสมก.) เพื่อหารือเพ่ิมมาตรการการดูแลการเดินทางประชาชน โดยได้ข้อสรุปว่าให้เพิ่มเที่ยววิ่งรถ ขสมก.เพิ่มขึ้นอีก 10%จากที่ให้บริการเดิม
ซึ่งจากการหารือร่วมกันจึงได้สั่งการให้ ขสมก. มอบหมายให้ ผอ.เขตเดินรถทุกเขต สอดส่อง ตรวจสอบ และ สารวจ สภาพการเดินทางในช่วง เร่งด่วน ห้ามให้มีประชาชนตกค้างการเดินทาง หากพบว่ามีปริมาณการเดินทางมาก ให้เตรียมรถ ไว้ในจุดใกล้เคียงเพ่ือเสริมรถได้ในทันที และมอบหมายให้ สายตรวจ ขสมก. ส่งภาพทุกพื้นที่ ต้ังแต่เวลา 18.00-20.00 น. ร่วมกับการใช้ภาพจากกล้อง CCTV กากับการจัดการเดินรถ เพิ่มความถี่การให้บริการปกติ และช่วงเร่งด่วน เพิ่มอีก 10% เป็นอย่างน้อย จากเดิม 18,000 เที่ยว/วัน เป็น 22,000 เที่ยว/วัน เพ่ือลดความแออัดของผู้โดยสาร และรองรับความต้องการเดินทางของ ประชาชน ขณะเดียวกันให้ขยายการให้บริการรถคันสุดท้ายจาก20.00 น.เป็น 21.00น. ท้ังสายส้ันสายยาว รวมทั้งให้เน้นมาตรการ การเว้นระยะห่าง และเพิ่มความสะอาด ตาม DMHT ของรถโดยสารด้วย
