คนไทยมั่นใจได้ สาธารณสุข ยืนยัน “ศบค.” อนุญาตให้ผู้ป่วยต่างชาติ เข้ารักษาพยาบาลได้ ย้ำวางมาตรการเข้ม



  • เผยเปิดอนุญาต รักษาเฉพาะโรคที่มีความจำเป็นเร่งด่วน
  • ย้ำผู้ป่วย-ผู้ติดตาม ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าไม่มีเชื้อโควิด-19
  • คาดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ-สร้างรายได้ให้กับประเทศ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ ( 4 ..) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบคได้มีมติเมื่อวันที่ 30 มิ.. 2563 ได้ออกมาตรการให้ผู้ไม่มีสัญชาติไทย เข้ามารักษารักษาพยาบาลในประเทศไทยได้ เพื่อสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศตามนโยบายเมดิคัลฮับ (Medical Hub) โดยในเฟสแรกต้องเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นเร่งด่วน และเป็นผู้ป่วยที่มีประวัติรักษาต่อเนื่องกับสถานพยาบาลในไทยอยู่เดิม แต่ไม่ใช่กรณีเข้ามาเพื่อรักษาโรคโควิด-19 โดยต้องมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ซึ่งจะรับเฉพาะที่เดินทางเข้ามาทางอากาศ และจำกัดจำนวนผู้ติดตามไม่เกิน 3 คน  

ทั้งนี้หลักเกณฑ์ที่สำคัญคือ ทั้งผู้ป่วยและผู้ติดตามต้องแสดงใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 ด้วยวิธีการตรวจแบบ RT-PCR ในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทางเข้ามา โดยเมื่อเข้ามาแล้วต้องกักกันตัวในห้อง Isolation ward (ห้องเดี่ยวในสถานพยาบาลเดียวกัน เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 วัน และต้องมีการตรวจด้วยวิธี RT-PCR อีกจำนวน 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อเดินทางมาถึงสถานพยาบาล ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 5-7 และครั้งที่  3 ระหว่างวันที่ 13-14 ของระยะเวลาที่กักกัน 

นอกจากนี้ที่สำคัญต้องมีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาลกรณีโรคโควิด-19 ต้องมีเอกสารหลักฐานทางการเงินที่แสดงถึงหลักประกันว่าสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นใดที่เกิดขึ้นทั้งหมดเอง และมีเอกสารรับรองหรือใบนัดหมายการรักษากับสถานพยาบาลในไทย 

ทั้งนี้ หากแผนการรักษาเสร็จสิ้นก่อน 14 วัน  สถานพยาบาลต้องกักกันตัวผู้ป่วยและผู้ติดตามต่อจนครบ 14 วัน และตรวจยืนยันว่าไม่มีโรคโควิด-19 จึงจะอนุญาตให้ออกจากสถานพยาบาลได้ และอาจอนุญาตให้กลุ่มดังกล่าวไปในพื้นที่ท่องเที่ยวที่กำหนดได้ ซึ่งคาดว่าจะก่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประเทศ

ตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศไทย ผู้ป่วยและผู้ติดตามต้องดาวน์โหลดระบบติดตามตัวหรือติดตั้งแอปพลิเคชันตามที่ราชการกำหนด เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและติดตามอาการทุกวัน กระทรวงสาธารณสุขขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาการรักษาพยาบาล กลุ่มผู้ป่วยและผู้ติดตามดังกล่าวจะไม่สามารถออกนอกสถานที่กักกันได้ จนกว่าจะมั่นใจกว่าปลอดเชื้อโรคโควิด-19 เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการการป้องกันและควบคุมโรค หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับโรงพยาบาลทางเลือกหรือ Alternative Hospital Quarantine (AHQ) ซึ่งเป็นสถานกักกันตัว สามารถดูรายละเอียดได้ทางwww.hss.moph.go.th  และ สอบถามได้ที่สายด่วนกรม สบส.1426” นพ.ธเรศ กล่าว