

- ทั้งๆ ที่หน่วยงานด้านยาเพิ่งแนะนำให้ผู้ผลิตวิเคราะห์ประสิทธิภาพเพิ่มเติม
- เหตุยังไม่มีผลทดสอบประสิทธิภาพเพียงพอ และยังไม่ได้ทดสอบระยะ 3
- แต่ผู้ผลิตเมินเสียงวิจารณ์ลั่นใช้กรณีฉุกเฉินไม่ต้องมีผลทดสอบระยะ 3
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า คนอินเดียวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงกรณีที่หน่วยงานด้านยา ได้อนุมัติการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ผลิตได้ในประเทศ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทดสอบประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการอนุมัติให้หลังเพียง 1 วันหลังจากที่ได้สอบถามจากผู้ผลิตว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่
กรณีดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านยา ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลด้านยาของอินเดีย ได้เผยแพร่คำแนะนำเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่แสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการได้สอบถามบริษัทผู้ผลิตยา บารัต ไบโอเทค อินเตอร์เนชันแนล จำกัด (Bharat Biotech International Ltd) เพื่อให้นำเสนอข้อมูลด้านประสิทธิภาพของวัคซีนเพิ่มเติมก่อนพิจารณาอนุมัติให้มีการฉีดได้
โดยในคำแนะนำดังกล่าว ที่มีขึ้นในระหว่างการประชุมของคณะกรรมการเมื่อวันที่ 1 ม.ค.64 ระบุว่า “หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว คณะกรรมการแนะนำให้บริษัท…อาจวิเคราะห์ประสิทธิภาพของวัคซีนเพิ่มเติม ก่อนพิจารณาอนุมัติการใช้งานอย่างจำกัดในกรณีฉุกเฉิน”
อย่างไรก็ตาม ในวันรุ่งขึ้น คณะกรรมการได้อนุมัติให้บริษัท “ใช้วัคซีนดังกล่าวได้อย่างจำกัดในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นการป้องกันไว้ก่อน”
การอนุมัติให้ใช้วัคซีนดังกล่าว ไม่รวมถึงวัคซีนต้านโควิด-19 ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และแอสตราเซเนกา ที่สถาบันเซรั่มของอินเดียได้สิทธิในการผลิต
นอกจากนี้ การอนุมัติให้ใช้วัคซีน “โควาซิน” (COVAXIN) ของบริษัท บารัต ไบโอเทคนั้น ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในหมู่นักกฎหมายฝ่ายค้าน และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เพราะยังขาดข้อมูลด้านประสิทธิภาพ ที่โดยทั่วไปแล้ว จะต้องมีการทดสอบกับมนุษย์ 3 ระยะ แต่วัคซีนตัวนี้ ผู้ผลิตอยู่ระหว่างการทดสอบ
มานิช ตีวารี ทนายความฝ่ายค้าน ทวติข้อความว่า “คณะกรรมการอนุมัติตามคำสั่งหรือไม่ นี่เป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมาก”
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ตั้งคำถามว่า เหตุใด คณะกรรมการอนุมัติให้ใช้ได้หลังจากแนะนำให้บริษัทวิเคราะห์ถึงประสิทธิภาพของวัคซีนเพียง 1 วันเท่านั้น
“ดูเหมือนว่า… คณะกรรมการจะถูกกดดันในชั่วข้ามคืนให้พิจารณาตัดสินใจ และอนุมัติในวันรุ่งขึ้น แม้ว่าจะมีการปัองกันความเสี่ยงจากหลายเงื่อนไขก็ตาม” เครือข่ายประชาชนด้านวิทยาศาสตร์ของอินเดีย (the All India People’s Science Network) ออกแถลงการณ์ นอกจากนี้ ยังระบุอีกว่า “เราคลางแคลงสงสัยกับการเปลี่ยนความคิดอย่างกะทันหันของคณะกรรมการ ตั้งแต่ในการประชุม 2 ครั้งแรกจนถึงครั้งที่ 3 ที่อนุมัติให้ใช้ได้ ทั้งๆ ที่ยังมีข้อมูลประสิทธิภาพไม่มากพอที่จะอนุมัติให้ใช้ได้”
อย่างไรก็ตาม ทั้งบริษัท บารัต และเจ้าหน้าที่รัฐ ได้ชี้ให้เห็นถึงกฎระเบียบที่อนุญาตให้อนุมัติได้อย่างเร่งด่วนในกรณีที่เกิดโรคร้ายแรง โดยไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลการทดสอบในระยะที่ 3
ทั้งนี้ แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า อินเดียจะเริ่มฉีดวัคซีนที่ผลิตได้เองในเมืองปูเน่ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค.นี้ และจะมีการขนส่งทางเครื่องบินมาเก็บไว้ที่ฮับใน 4 เมืองหลักคือ มุมไบภาคตะวันตก เชนไนภาคใต้ กัลกัตตา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกรนาล ภาคเหนือ