

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 พ.ย.2563) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล(SUPER POLL) ได้นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง คนละครึ่ง พึ่งได้ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,121 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 11 – 14 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้เมื่อถามถึงความเห็นเกี่ยวกับ โครงการ คนละครึ่ง พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 93.6% ระบุ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เจ้าของร้านค้า รายย่อย พึ่งได้ รองลงมาคือ 90.6% ระบุ คนคิด ออกแบบโครงการ คนละครึ่ง เก่ง 89.8% ระบุ เดินตลาดเห็นคนจับจ่ายใช้สอย มีความสุข รักประเทศไทย รักรัฐบาลมากขึ้น 89.8% ระบุ โครงการคนละครึ่ง ทำประชาชนคุ้นเคยใช้แอปพลิเคชั่น และดิจิทัลมากขึ้น 89.6% ระบุ รัฐบาลควรจัดยิ่งใหญ่อีกในช่วงปีใหม่ ขยายโอกาสให้ชาวบ้านและบริษัทร้านค้ามากขึ้น 89.3% ระบุ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดความเดือดร้อน ประชาชนพึ่งได้ และ 85.8% ระบุ ช่วยทำให้ประชาชนมีวินัยในการออมและใช้จ่ายเงิน
ทั้งนี้ที่น่าสนใจ คือ ทั้งกลุ่มเยาวชนและไม่ใช่เยาวชนส่วนใหญ่สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อย ๆ พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 90.5% ของกลุ่มเยาวชน และส่วนใหญ่หรือ89.8% ของกลุ่มที่ไม่ใช่เยาวชน สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อย ๆ
นอกจากนี้ กลุ่มประชาชนทุกกลุ่มรายได้เงินเดือนส่วนใหญ่สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อย ๆ โดยพบว่า ส่วนใหญ่หรือ 88.0% ของคนที่มีรายได้เงินเดือนต่ำกว่า15,000 บาท สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ ในขณะที่ ส่วนใหญ่หรือ 91.7% ของคนที่มีรายได้เงินเดือนระหว่าง 15,000 ถึง 30,000 บาท สนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อย ๆ และส่วนใหญ่หรือ 83.5% ของคนที่มีรายได้เงินเดือนเกิน 30,000 บาทขึ้นไป สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ต่อ ถ้ามีโครงการช่วยเหลือประชาชนแบบนี้ออกมาเรื่อย ๆ เช่นกัน
นอกจากนี้ ที่น่าพิจารณาคือ ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง จะเลือกพรรคการเมืองใด เปรียบเทียบระหว่างก่อนและหลังโครงการคนละครึ่ง พบว่า คนจะเลือกพรรคพลังประชารัฐเพิ่มสูงขึ้นจาก 10.9% ก่อนโครงการคนละครึ่ง มาอยู่ที่27.7% หลังโครงการ คนละครึ่ง ในขณะที่ คนจะเลือกพรรคร่วมรัฐบาลไม่แตกต่างกัน คือ 5.7% ก่อนโครงการฯ และ5.8% หลังโครงการฯ ที่น่าเป็นห่วงคือ คนจะเลือกพรรคเพื่อไทยลดลงจาก 9.3% ก่อนโครงการฯ มาอยู่ที่ 2.5% หลังโครงการฯ และพรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่เดิม) ลดลงจาก 13.0% ก่อนโครงการฯ มาอยู่ที่ 2.1% หลังโครงการฯ ในขณะที่ คนจะเลือกพรรคอะไรก็ได้ที่เป็นการเมืองใหม่แท้จริง ลดลงจาก 59.6% มาอยู่ที่ 16.8% แต่คนที่ตอบอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจาก 1.5% มาอยู่ที่ 45.1%
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า โครงการ คนละครึ่ง ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังได้ใจกลุ่มคนรายได้น้อยและคนที่เริ่มทำงานระยะแรกของชีวิต และยังได้ใจกลุ่มเยาวชนและผู้ไม่ใช่เยาวชนอีกด้วยเพราะเป็นการตอบโจทย์ตรงเป้าอย่างหนึ่งของประชาชนที่กำลังรอการช่วยเหลือลดความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน ในเรื่องปากท้องที่ต้องมาอันดับแรก
โดยโครงการ คนละครึ่ง กำลังเป็นที่นิยมของประชาชน และเกิดผลกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้ประชาชนชาวบ้านทั่วไปร้านค้ารายย่อย ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ขึ้นไป พึ่งได้ ส่งผลทำให้ฐานสนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี เพิ่มสูงขึ้นและส่งผลทำให้ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ จะกลายเป็นพรรคอันดับหนึ่งมากกว่าพรรคอื่นๆ ที่อาจเป็นเพราะเกี่ยวข้องกับเหตุปัจจัยที่ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เล็งเห็นว่า เป็นพรรคที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวาย ซ้ำเติมเศรษฐกิจ ซ้ำเติมวิกฤตโควิด-19 และซ้ำเติมความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชน เช่น พรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่เดิม) หรือ พรรคเพื่อไทยที่มีภาพของการไปสนับสนุนม็อบที่แตะต้องสถาบันหลักของชาติ อันเป็น หัวใจของราษฎร ที่เปราะบาง ก็เป็นไปได้
“อย่างไรก็ตาม ข้อควรปรับปรุงในโครงการ คนละครึ่ง คือ ควรขยายเวลา เอาอีก ทำอีกต่อเนื่องกระตุ้นเศรษฐกิจเรื่อยๆ ควรมีระบบให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง อาจใช้ทั้ง คนจริง หรือ มนุษย์บอต (Bot) คอยตอบคำถาม ช่วยเหลือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในลักษณะ Live Chat ให้ประชาชนทั่วไปและผู้ประกอบการ ร้านค้ารายย่อย และอื่น ๆ จะเสริมความพึงพอใจได้มากยิ่งขึ้น” ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าว