

- นายกฯสั่งคลังหาวิธีให้คนนำเงินฝากออกมาใช้
- ครม.พิจารณาแก้ พ.ร.ก.ซอฟท์โลน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์เฟสบุ๊ก ว่า ช่วงบ่ายวันนี้(22 มี.ค.)ได้มีการประชุมหารือมาตรการฟื้นฟู และ การรักษาสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงมาตรการ soft loan และ asset warehousing
นอกจากนี้ยังได้ติดตามผลการดำเนินการโครงการ “เราชนะ” และโครงการ “คนละครึ่ง” และพิจารณาการดำเนินการในเฟสต่อไป ปัจจัยสำคัญคือยังตรวจพบว่ามีการโกงเกิดขึ้น ทั้งในส่วนของบุคคลและผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะหาหนทางแก้ไข รวมไปถึงการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิดอย่างเคร่งครัด เราต้องไม่ยอมให้คนส่วนน้อยมาทำลายสิ่งดีๆ ของคนส่วนใหญ่ในช่วงวิกฤตนี้ครับ #รวมไทยสร้างชาติ
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ว่า ได้หารือแนวทางออกมาตรกากระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยนายกฯมอบหมายให้กระทรวงการคลังไปหาวิธีจูงใจคนให้นำเงินที่ฝากไว้ในธนาคารออกมาใช้ หลังพบว่าช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีสถิติคนออมเงินในธนาคารสูงขึ้น และเก็บเงินจากที่ไม่ได้เดินทางท่องเที่ยว เป็นกรณีเช่นเดียวกับในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ที่พบว่าเงินฝากในระบบสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวทางหนึ่ง คือ การออกมาตรการช้อปดีมีคืน เพื่อให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าไปลดหย่อนภาษี หรืออาจคิดมาการใหม่ๆ ขึ้นมาก็ได้
ทั้งนี้ ยังได้หารือผลของการออกมาตรการต่างๆ ทั้งเราชนะ คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน ได้ช่วยเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ นายกฯจึงให้แนวทางดำเนินโครงการคนละครึ่ง ที่จะจบลงในวันที่ 31 มี.ค.นี้ต่อไป แต่เฟส 3 อาจไม่ทันเดือนเม.ย.นี้ แต่จะต่อเนื่องหลังโครงการเราชนะ จบลงในวันที่ 31 พ.ค. เพื่อให้มีโครงการลักษณะนี้ต่อเนื่องไป และรวมถึงโครงการ “เราผูกพัน”ที่ช่วยข้าราชการที่รายได้ไม่สูงก็จะนำเข้า ครมงเร็วๆนี้
สำหรับการแก้ไข พ.ร.ก.ให้ความช่วยเหลอทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 วงเงิน 500,000 ล้านบาท ทางกระทรวงการคลังหารือกับธปท.แล้ว จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เร็วที่สุด ที่ผ่านมามีการใช้วเงเงินไป 130,000 ล้านบาท ถ้าเทียบตอนออก พ.ร.ก.ในครั้งแรกกับครั้งนี้ถือว่ารู้โจทย์แล้วว่ากลุ่มไหนเดือนร้อนอย่างไร การนำวงเงินที่เหลืออีก 370,000 ล้านบาทไปแก้ไขให้ตรงจุดจึงไม่ยากแล้ว
นอกจากนี้ นายกฯอยากเห็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นรูปธรรม จึงสั่งการว่าเวลานำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าพิจารณา ในครม. ขอให้เสนอเป็นแพ็คเกจหลายๆเรื่องทีเดียวเลย