

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ม.ค.64) ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์ เป็นนัดแรก ซึ่ง นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ได้เข้ามานั่งเป็นประธานในเบื้องต้น และยังได้กล่าวถึงที่มาของคณะกรรมการดังกล่าว ว่ามาจากการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 26-27 ต.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งฝ่ายค้านเป็นผู้เสนอญัตติ กรณีมีปัญหาสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดินซึ่งในขณะนั้นเกิดความไม่สงบเรียบร้อย และมีการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังมีการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งที่สุดแล้วที่ประชุมไม่ได้มีมติ แต่ได้มีการเสนอให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ซึ่งก็คือคณะกรรมการสมานฉันท์นั่นเอง เมื่อมีความเห็นเช่นนี้ ทางสภาฯก็รับมาดำเนินการและได้หารือกับสถาบันพระปกเกล้าถึงรูปแบบของคณะกรรมการดังกล่าว
“ผมได้หารือเรื่องนี้กับท่านผู้นำฝ่ายค้าน และบอกไปว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของส่วนรวม และฝ่ายค้านยังสามารถไล่นายกฯ ได้เหมือนเดิม ซึ่งท่านก็บอกว่าขอกลับไปพิจารณาอีกครั้งก่อน ต่อมาก็ไม่ได้เข้าร่วม ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุม ยอมรับว่าไม่สามารถประสานกับใครได้โดยตรง ทั้งนี้เหลือผู้ทรงคุณวุฒิอีก 4 คน ก็จะให้คณะกรรมการชุดนี้เป็นผู้เลือก อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถ้าไม่มีฝ่ายค้านก็ใช่ว่าจะทำงานไม่ได้ หรือหากไม่มีฝ่ายรัฐบาลก็ใช่ว่าจะทำงานไม่ได้เช่นกัน เพราะเรื่องนี้เป็นประโยชน์ของบ้านเมืองและประชาชน” นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวด้วยว่า ในฐานะรัฐสภาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เราจะไม่ทำเรื่องถูกให้เป็นเรื่องผิด หรือทำเรื่องผิดให้เป็นเรื่องถูก ตนขอให้กำลังใจทุกท่าน เราไม่สามารถบันดาลใครได้หรือสั่งใครได้ แต่ขอให้คิดว่าเป็นการนำความรู้มาพูดคุยเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ตนได้พูดคุยกับเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าว่า ในอดีตมีปัญหาและสามารถเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต แต่ก็มีบางเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วและมีวิธีป้องกัน ยกตัวอย่างเช่น ปัญหาที่เกิดจากการใช้สื่อวิทยุชุมชนเรื่องนี้ป้องกันได้
นอกจากนี้ ก็ยังจะมีเรื่องของโซเชียลมีเดีย ที่มีการตัดต่อข้อความรูปภาพ หากใช้เป็นก็จะมีคุณอนันต์ แต่ถ้าหากใช้ไม่เป็น ก็จะมีโทษมหันต์เช่นกัน ซึ่งตนได้ให้สถาบันพระปกเกล้ารับไปศึกษาต่อแล้ว
ทั้งนี้ต่อมานายชวน ได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการได้หารือเบื้องต้น โดย นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.ในฐานะกรรมการ ได้สอบถามถึงการรายงานความคืบหน้าของคณะกรรมการว่ส ควรจะรายงานความคืบหน้าอย่างไร โดยนายชวน ตอบกลับว่า เบื้องต้นให้รายงาน 2 สัปดาห์ต่อครั้ง
จากนั้นนายชวน ได้เชิญให้กรรมการที่มีความอาวุโสสูงสุดเป็นประธานการประชุม เพื่อดำเนินการตามระเบียบวาระต่างๆ ต่อไป
ทั้งนี้ นายชวน ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมภายหลังออกจากห้องประชุม ถึงกรณีที่ให้รายงานความคืบหน้าให้ตนรับทราบใน 2 สัปดาห์ ว่า ไม่ใช่การแทรกแซง เพียงแค่ให้รายงาน เพราะยังมีรายละเอียดของการทำงาน เช่น การตั้งกรรมการสมานฉันท์ ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิ และฝ่ายผู้ชุมนุม ที่ตนต้องลงนามแต่งตั้งเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี การทำงานนั้นตนได้ย้ำให้ยึดหลักประชาธิปไตย และยึดกฎหมาย เพราะกรรมการคณะดังกล่าวมาจากฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งนี้การทำงานของกรรมการนั้นไม่ได้กำหนดกรอบเวลาให้ทำงานสิ้นสุดเมื่อใด
“ส่วนกรณีที่ไม่มีฝ่ายค้านเข้าร่วม และหลายคนมองว่าไม่สำเร็จ ขอให้เข้าใจว่าฝ่ายค้านไม่ขอเข้าร่วม ไม่ใช่ว่าผมเลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ดี ในการทำงานของกรรมการ อาจแต่งตั้งอนุกรรมการ หรือคณะทำงานหรือศึกษาโดยขอความเห็นจากฝ่ายต่างๆ ได้” นายชวน กล่าว