

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานถึงความคืบหน้ากรณีความขัดแย้งล่าสุดของกองกำลังประเทศอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน ที่ได้ตกลงหยุดยิงตั้งแต่เที่ยงคืนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงกล่าวหากันว่ามีการละเมิดการหยุดยิง
ทางกระทรวงการต่างประเทศของ อาเซอร์ไบจาน ระบุว่าทหารของอาร์เมเนีย ได้ยิงปืนใหญ่ข้ามพรมแดนเข้ามาในเขตอาเซอร์ไบจาน บริเวณเมืองกานจา ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของอาเซอร์ไบจาน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 คน
ทางฝั่งอาร์เมเนียได้กล่าวหาอีกฝั่งว่ายิงกระสุนใส่เมืองสเตพานาแกร์ต ซึ่งเป็นเมืองหลงหลวของ “นากอร์โน-คาราบัค” รวมถึงเมืองอื่นๆ ในช่วงกลางคืนในระหว่างการตกลงหยุดยิง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของ “นากอร์โน-คาราบัค” ซึ่งเป็นพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างอาเซอร์ไบจานกับอาร์เมเนีย เขตปกครองตนเองพื้นที่ความขัดแย้งระหว่างอาเซอร์ไบจานกับอาร์เมเนีย ระบุว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเรื่องโกหก
ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอาร์เมเนียกับอาเซอร์ไบจานเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาหลังการเจรจาของทั้งสองฝ่ายที่กรุงมอสโก เพื่อระงับความรุนแรงในแคว้นนากอร์โน-คาราบัค ที่พยายามแยกตัวเป็นอิสระจากอาเซอร์ไบจาน
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ผู้เป็นตัวกลางในการเจรจา ระบุว่าข้อตกลงสันติภาพนี้จะเป็นก้าวแรกไปสู่การเจรจาเพื่อหาทางออกเรื่องความขัดแย้งในพื้นที่ดังกล่าว
แคว้นนากอร์โน-คาราบัค ซึ่งประชากรส่วนใหญ่มีเชื้อสายอาร์เมเนียน ประกาศตัวเป็นอิสระจากอาเซอร์ไบจานเมื่อปี ค.ศ. 1991 ระหว่างการล่มสลายของสหภาพโซเวียต นำไปสู่สงครามยืดเยื้อที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 30,000 คน ก่อนที่จะมีสนธิสัญญาหยุดยิงเมื่อปี ค.ศ. 1994