ขอเตือน!!อย่าคิดมักง่าย..เอาแค่ความสนุก ลั่นโพสต์หลอกได้เงินเยียวยา 5 พันบาท เสี่ยงได้เสียเงิน-นอนคุกแน่



  • ชี้โพสต์หลอก-กรอกข้อมูลเท็จ มีความผิดทางอาญา เจอข้อหาหนัก
  • เผยทางรอดกลับใจเข้าเว็บไซต์กดปุ่มยกเลิกการลงทะเบียนยังทัน
  • ล่าสุดมีผู้ลงทะเบียนยกเลิกแล้วกว่า 330,000 ราย

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ขอเตือนผู้ที่จะโพสต์ข้อความใดๆ ลงในโซเชียลเกี่ยวกับการได้มาของเงินเยียวยา 5,000 บาทนั้น ขอให้คิดให้หนักก่อนโพสต์ เพราะเมื่อโพสต์ลงไปแล้วจะกลายเป็นหลักฐานสำคัญในการเอาผิดทางกฎหมาย หากข้อความดังกล่าวเป็นเท็จ และได้เงินเยียวยามาจากการให้ข้อมูลเท็จ หรือแม้แต่การดูหมิ่นเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยคำหยาบคายต่างๆ ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 3 ข้อหาหนัก ดังนั้นขอให้ผู้ที่คิดจะกระทำอย่าเสี่ยงเพราะได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งการมีชื่ออยู่ในทะเบียนประวัติอาชญากรมีผลต่อการสมัครงาน ใครรู้ตัวทำผิดสามารถใช้บริการปุ่มยกเลิกการลงทะเบียนในเว็บไซต์www.เราไม่ทิ้งกัน.com ได้ เพราะขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนยกเลิกแล้วกว่า 330,000 ราย

ทั้งนี้ ข้อมูลทางกฎหมายจากเพจทนายรัชพล ศิริสาคร ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ระบุว่า การตั้งใจกรอกข้อมูลหลอกลวงรัฐ เพื่อหวังลงทะเบียนรับเงิน 5,000 บาทจากรัฐบาลเข้าข่ายเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานฉ้อโกง มาตรา 341 มีโทษขั้นสูงจำคุก 3 ปี หรือปรับ 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ยังมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา 137 มีโทษขั้นสูงจำคุก 6 เดือน หรือปรับ 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนผู้ที่โพสต์หมิ่นรัฐบาลมีความผิดตาม มาตรา 136 มีโทษขั้นสูงจำคุก 1 ปี หรือปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้แม้ว่าผู้โพสต์จะลบข้อความไปแล้ว แต่ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีสามารถดึงข้อมูลที่ลบไปแล้วกลับมาได้

ชาญกฤชเดชวิทักษ์

อย่างไรก็ตาม กระแสดราม่าที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล เกิดความกังขากับระบบคัดกรองของกระทรวงการคลังอย่างมาก เพราะมีกลุ่มคนบางส่วนออกมาโพสต์ว่าไม่เดือดร้อน แต่ได้เงินเยียวยาจำนวน 5,000 บาท โดยมีข้อความหลากหลาย บางรายติดแฮชแทค อาทิ ระบุว่าข้อมูลที่ลงทะเบียนเป็นข้อมูลเท็จแต่ได้เงินจริงเศษเงินหลังตู้เย็นลงไว้เล่นๆ ไม่เคยหวังจะได้ขอบคุณสำหรับค่าโบท็อก เป็นต้น

ทั้งนี้สำหรับมาตรการตรวจสอบสิทธิ์ผู้สมัครขอรับเงินเยียวยาดังกล่าวนี้ ทางกระทรวงการคลังแบ่งการตรวจสอบออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่ไม่ได้รับเงิน แต่บอกว่าได้เงิน ถือว่าสร้างความสับสน จะมอบให้กระทรวงดีอีตรวจสอบ เพราะถือเป็นข่าวปลอม (Fake News) มีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์หรือไม่ คาดว่าผลจะออกมาเร็วๆ นี้ และ2.พวกที่ได้เงินจริง แต่ใส่ข้อมูลที่เป็นเท็จ กรณีนี้ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงการคลังจะตรวจสอบย้อนกลับตามข้อมูลที่ลงทะเบียน และดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับรายที่ได้เงินแล้ว ทางกระทรวงฯจะขอให้มีการคืนเงินภายใน 90 วันพร้อมระงับเงินในเดือนต่อๆไป

ส่วนประเด็นที่ประชาชนเริ่มกังขาเรื่องระบบการคัดกรองผู้ได้รับสิทธิ์เยียวยาเงินชดเชย 5,000 บาทนั้น มีประสิทธิภาพหรือไม่ ขอย้ำว่าทางธนาคารกรุงไทยใช้ระบบที่ดีที่สุดในการคัดกรอง และด้วยจำนวนการลงทะเบียนในเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่มีมากกว่า 25 ล้านคน ทีมงานต้องทำงานแข่งกับเวลา รวมถึงปรับระบบให้สามารถคัดกรองข้อมูลโดยเร็ว อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดก็น้อมรับและจะนำไปแก้ไข เนื่องจากทางกระทรวงต้องการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจริง  พร้อมจ่ายเงินเยียวยาให้ทันท่วงที” นายชาญกฤช กล่าว