ขยายต่อ… “สันติ” เผย ครม.ไฟเขียวลดภาษีน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ต่ออีก 4 เดือน



  • ลั่นต้องทำแม้สูญรายได้ 4 หมื่นล้าน ชี้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ลดค่าครองชีพ
  • เผยตัวเลขตั้งแต่ลดภาษีดีเซลรวมสูญรายได้กว่า 1.5 แสนล้าน
  • ด้าน “บิ๊กตู่” ร่ายยาวเหตุที่ต้องลดภาษี ลั่นไม่มีอะไรที่ได้เปล่าๆ

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า วันนี้ (17 ม.ค.66) คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติขยายเวลาลดภาษีน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ออกไปอีก 4 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุด 20 ม.ค.66 เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพให้ประชาชนและเพื่อเป็นการพยุงราคาสินค้าต่างๆ ไม่ให้ปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้กรมสรรพสามิตสูญรายได้กว่า 40,000 ล้านบาท

“การขยายเวลาลดภาษีน้ำมันรอบนี้ ถือเป็นครั้งที่ 6 แล้ว โดยหากรวมตั้งแต่ช่วงเดือนก.พ.65 จนถึงครั้งล่าสุด รัฐบาลสูญเสียรายได้จากการลดภาษีน้ำมันดีเซลไปแล้วกว่า 1.4-1.5 แสนล้านบาท” นายสันติ กล่าว

นายสันติ กล่าวยืนยันด้วยว่า การลดภาษีดังกล่าวนี้ ไม่มีผลต่อฐานนะการคลัง เนื่องจากในปีงบประมาณ 2566 นี้คลังมีรายได้เพิ่มเข้ามาจากกองทุนหมุนเวียนที่มีกำไรส่วนเกิน ทั้งจากการประมูลคลื่นความถี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ และการประมูลคลื่นวิทยุ รวมทั้งยังมีรายได้จากภาษีนำเข้ากรณีที่ศาลพิพากษา รวมเป็นเม็ดเงินมากกว่า 33,000 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 ยังสามารถจัดเก็บภาษีได้เกินเป้ากว่าอยู่ที่ 55,000  ล้านบาท และประเมินว่าสิ้นปีงบประมาณนี้ จะสามารถจัดเก็บรายได้ได้สูงถึง 2.6 ล้านล้านบาท ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2566 มีการกู้ชดเชยขาดดุล 6.95 แสนล้านบาท ขณะที่งบประมาณรายจ่ายอยู่ที่ 3.1 ล้านล้านบาท คาดว่าสิ้นปีงบประมาณจะมีเงินคงคลังอยู่ 7.1 แสนล้านบาท ทำให้สถานะการคลังมีความมั่นคง และมีเงินสำรองในการใช้จ่ายของรัฐ ซึ่งการลดภาษีน้ำมันไม่ได้มีผลกระทบต่อภาระการคลัง

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการขยายระยะเวลาลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ต่ออีก 4 เดือนว่า ก็ยังคงดำรงรักษาราคาดีเซลไว้ให้ได้ที่ 35 บาท จริงๆราคาควรจะขึ้นไป 40 กว่าบาทไปตั้งนานแล้ว รัฐดูแลอย่างนี้รู้หรือไม่ว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ 10,000 ล้านบาทต่อเดือน เพียงเพราะลดภาษีสรรพสามิตตัวเดียว 

“ตอนนี้เห็นว่ายังเดือดร้อนอยู่ก็ต้องทำต่อไปอีก ถ้าต่ออีก 4 เดือนก็เท่ากับ 40,000 ล้านบาทเข้าใจหรือยัง เพราะสถานการณ์น้ำมันติดลบอยู่เดิม เมื่อเราลดภาษีเหล่านี้รายได้ก็ไม่กลับมา รายได้ที่ตรง แก้ปัญหาเฉพาะจุดด้านพลังงานก็ไม่มี ก็ต้องดึงเงินตรงอื่นมา ซึ่งอาจจะมีภาษีสูงขึ้นเก็บรายได้มากขึ้น แทนที่จะเอาไปใช้อย่างอื่นแต่ก็ต้องเอามาดูแลตรงนี้ แต่ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องตัดสินใจ เพราะประชาชนเดือดร้อน ซึ่งเรียกว่าการแก้ปัญหาแบบพุ่งเป้าเข้าใจหรือไม่ ไม่มีอะไรที่ได้เปล่าๆ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม จากนี้ก็ต้องติดตามสถานการณ์ภายนอก ซึ่งต้องรับรู้ด้วยสถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไร ราคาน้ำมันโลกเป็นอย่างไร สถานการณ์สู้รบยังมีอีกหรือเปล่า จะจัดหาพลังงานมาจากไหน เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่รัฐบาลต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเพื่อบริหารจัดการต่อไป