

- กรมธนารักษ์ชวดเงิน 743 ล้านบาท
- เผย “วงษ์สยาม” มอบแคชเชียร์ให้แล้ว
- ยืนยันการประมูลสุจริต – โปร่งใส
- ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือขู่จะนำเรื่องเข้าถล่มในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ อ้างเหตุการประมูลไม่โปร่งใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โทรศัพท์สายตรงไปหา นายประภาส คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ ขอให้เลื่อนการลงนามสัญญาโครงการบริหาร และดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออกระหว่าง กรม กับ บริษัท วงษ์สยาม ก่อสร้าง จำกัดในฐานะผู้ชนะการประมูลที่มีกำหนดลงนามกันเมื่อวันที่ 3 พ.ค.เวลา 10.30 น.ที่ห้องประชุมของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และไม่ได้แจ้งว่าจะมีกำหนดให้ลงนามในสัญญากันเมื่อใด
นายอนุฤทธิ์ เกิดสินชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงษ์สยาม ก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า เพิ่งได้รับแจ้งก่อนเดินทางไปกระทรวงการคลังว่า กรมธนารักษ์ ต้องเลื่อนการลงนามในสัญญานี้ออกไปก่อน “ผมเข้าใจท่านอธิบดี ก็คงต้องไปชี้แจงรายละเอียดให้ท่านนายกฯทราบอีกครั้ง”

นายอนุฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนได้เตรียมมอบแคชเชียร์เช็ค 3 ฉบับ คือ 1.ฉบับแรกเป็นค่าแรกเข้าเพื่อทำสัญญาในวงเงิน 580 ล้านบาท 2.ชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายปี (Fixed Fee) สำหรับปีที่ 1 เป็นวง เงิน 44,644,356 บาท และฉบับที่ 3. คือ หลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาเป็นวงเงิน 118,979,500 บาท ทั้งนี้ บริษัทได้จัดทำเอกสารการส่งมอบ เช็ค และแคชเชียร์เช็คทั้ง 3 รายการให้แก่กรมนารักษ์เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยว ข้องด้วย (ตามภาพที่ปรากฏ)
กรรมการผู้จัดการวงษ์สยามก่อสร้าง กล่าวว่า การประมูลโครงการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2564 และเสร็จสิ้นในเดือน ก.ย.-พ.ย.2564 ระหว่างรอการลงนามสัญญา บริษัทได้ถูกบริษัท อีสท์ วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานเดิมมาก่อน แต่พ่ายแพ้การประมูลไป และมีการนำเรื่องไปฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนการประมูลโครงการนี้ ด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย อาทิเช่น ที่มีนักการเมืองนำมาอ้าง

.ศาลปกครองกลางตัดสินสุจริต
อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษ์เป็นที่ยุติว่า ไม่มีเหตุอันควรให้เพิกถอนการประมูล ส่วนการที่ บมจ.อีสท์ วอเตอร์ เรียกร้องค่าเสียหายโดยอ้างว่า การไม่ชนะการประมูลส่งผลกระทบให้บริษัทขาดรายได้ ศาลปกครองกลางก็ได้พิจารณาแล้วว่า อีสท์ วอเตอร์ ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะยังมีกิจการส่งน้ำตามท่อให้แก่ลูกค้าในภาคตะวันออกอยู่
ที่สำคัญก็คือ ศาลปกครองกลาง ชี้ชัดว่า การประกาศเชิญชวนเอกชนคัดเลือกเข้าดำเนินงานโครงการนี้ เป็นสิทธิ์ของกรมธนารักษ์ และบริษัท วงษ์สยาม ก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลโดยสุจริต และชอบธรรม
ถึงกระนั้น บมจ.อีสท์ วอเตอร์ ก็ไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ และยังมีนักการเมืองบางกลุ่มพยายามดึงเรื่องไว้ เป็นการทำลายระบบธรรมาภิบาลในองค์กร “จริงๆ ก็ทราบกันดีว่า ประเทศเราไม่ได้ลงทุนกันมานาน และมีความจำเป็นต้องลงทุนกันได้แล้ว เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ แต่ผมก็จะอดทนต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมต่อไป” นายอนุฤทธิ์ กล่าว

.ส.ส.โจ้ “ยุทธพงศ์” แจงยื่นหนังสือ
ด้านนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.มหาสารคาม ซึ่งเป็นผู้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียน ขอให้นายกฯ ตรวจสอบการประมูลโครงการนี้ และยกเลิกการลงนามในสัญญาออกไป ชี้แจงกรณีที่มีภาพปรากฏในสื่อว่ามีการไปพบปะสังสรรค์ กับ ส.ส.กลุ่ม 16 จากพรรคการเมืองต่างๆ อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 ส.ส., นายมนูญ สิวาภิรมย์รัตน์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ และนายดล เหตระกูล ส.ส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนานั้น เป็นกรณีที่พรรคเล็กขอมาสอบถามถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
โดยนายยุทธพงศ์ ยืนยันว่า มีความพร้อม และก่อนจะไปกินข้าวเย็น พรรคเพื่อไทยได้มีการประชุม และได้พูดคุยกันถึงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า มีความพร้อม โดยเฉพาะประเด็นการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนที่ไม่มีเครื่อง ยนต์, เรื่องการลงนามในสัญญาโครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก และเรื่องร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งอยากรู้ว่าพรรคการเมืองบางพรรคจะยกมือไว้วางใจรัฐบาลได้อย่างไร
.ยันไม่เกี่ยวกลุ่ม 16 ส.ส.หนุน “บิ๊กป้อม”
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า การพบกันครั้งนี้จะไม่ทำให้เกิดปัญหาข้อสอบรั่ว ในเมื่อยังไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องรอเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อนจึงจะมีการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยการพูดคุยดังกล่าวไม่มีประเด็นเรื่องกลุ่ม 16 ส.ส. จะยังสนับสนุนรัฐบาลต่อไปหรือไม่ คุยกันแต่เพียงแต่เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ส่วนข้อเสนอที่ว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจะให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาเป็นนายกฯ ขัดตาทัพในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลนั้น นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยเพราะเป็นฝ่ายค้าน มีหน้าที่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายต้องโชว์ผลงานให้ประชาชนเห็นว่า ต้องโค่น พล.อ.ประยุทธ์ ให้ได้ ส่วนใครจะเป็นนายกฯ ก็เป็นขั้นตอนทางกฎหมาย ล้มก็ต้องว่ากันไป แต่พรรคเพื่อไทยมีหน้าที่ล้มรัฐบาล ล้ม พล.อ.ประยุทธ์