

- ชี้เป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้มีสิทธิ์ฯ เข้าถึงสลากคนละ 5 เล่มอย่างเท่าเทียม
- เผยการสุ่มคัดเลือก หากผู้มีสิทธิ์ไม่ได้รับการสุ่มในงวดนี้ ก็จะได้รับสิทธิ์งวดหน้าโดยอัตโนมัติ
- ถือเป็นการการันตีว่า งวดหน้าจะได้รับสลากอย่างแน่นอน
- ยืนยันระบบสุ่มคัดเลือกที่จะดำเนินการนี้ มีความเป็นธรรม
วันนี้ (30 ก.ย.65) พ.ท.หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า จากกรณีที่สำนักงานสลากฯ จะดำเนินการใช้วิธีสุ่มคัดเลือก หรือแรนดอมในการรับสิทธิ์ทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ว่า แนวทางนี้จะเป็นการทำให้ผู้มีสิทธิ์ซื้อจองสามารถเข้าถึงสลากฯ แล้วนำไปจำหน่ายได้อย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งผู้มีสิทธิ์สามารถทำรายการได้ในแต่ละงวด โดยเอาจำนวนผู้มีสิทธิ์ในระบบทุกคนมาทำการสุ่มคัดเลือก ให้ได้จำนวนคนพอดีกับจำนวนสลากในระบบที่มีอยู่ นั้นคือคนละ 5 เล่ม
โดยหลังจากนั้น เมื่อได้จำนวนผู้มีสิทธิ์ทำรายการในงวดนั้นแล้ว ผู้มีสิทธิ์จะต้องเข้ามายืนยันการทำรายการ ก็จะได้รับสลากไปจำหน่าย ส่วนผู้ที่ไม่ได้ถูกสุ่มคัดเลือกในงวดนั้น จะได้รับสิทธิ์ทำรายการในงวดถัดไปทันทีแบบอัตโนมัติ ซึ่งแตกต่างจากระบบเดิมที่เปิดให้ซื้อจองแบบใครมาก่อนได้ก่อน ซึ่งอาจจะไม่ได้รับสลากไปขายเลยก็ได้
“จากการที่มีการสื่อสารข้อมูลที่คลาดเคลื่อน จนทำให้เกิดความเข้าใจว่า วิธีการสุ่มคัดเลือกแบบใหม่ จะทำให้ผู้ซื้อ-จองฯ ได้รับสลากงวดเว้นงวดนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะข้อเท็จจริงคือ การสุ่มคัดเลือกในการรับสิทธิ์ทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าฯ เป็นการสุ่มคัดเลือกที่ ถ้าไม่ได้รับการสุ่มในงวดนี้ก็จะได้รับสิทธิ์งวดหน้าโดยอัตโนมัติ เป็นการการันตีว่า งวดหน้าจะได้รับสลากอย่างแน่นอน ดังนั้นจะมีความแตกต่างจากที่ผ่านมา ซึ่งผู้ซื้อ-จองฯ จะต้องไปกดทำรายการด้วยตนเอง ต้องกดแย่งกันอาจจะไม่มีทางทำรายการได้เลย เพราะไปแย่งไม่ทัน แต่การสุ่มแบบนี้ โอกาสที่จะได้ทุกงวดก็ยังมีอยู่”
พ.ท.หนุน กล่าวด้วยว่า วิธีนี้สำนักงานสลากฯ มุ่งหวังว่าจะช่วยลดปัญหาการเข้าถึงการทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้าฯทำให้ไม่ต้องมีปัญหาการต่อคิวทำรายการหน้าตู้เอทีเอ็ม ในขณะเดียวกันผู้พิการหรือผู้สูงอายุก็ได้รับความสะดวก ไม่ต้องเดินทางไปรอจองคิวตั้งแต่เช้า อีกทั้งยังลดข้อจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีได้ด้วย
“ขอยืนยันว่า ระบบสุ่มคัดเลือกที่ดำเนินการนี้ จะมีความเป็นธรรม และเป็นการกระจายให้ผู้ที่อยู่ในระบบซื้อจอง ได้มีโอกาสเข้าถึงสลากคนละ 5 เล่มทุกคน อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน” พ.ท.หนุน กล่าว