กองทุนอินโนเวชั่นวันพันล้านบาท หนุนเอกชนพัฒนานวัตกรรม



  • หนุนเอกชนพัฒนานวัตกรรม 3 ปี
  • หวังยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน

วันที่ 28 เมษายน 2566 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำโดยนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. จัดงานเปิดตัวโครงการ “กองทุนอินโนเวชั่นวัน” ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) หนุนการจับคู่ระหว่างธุรกิจสตาร์ตอัพที่มีนวัตกรรมกับ SMEs ในเครือข่าย ของ ส.อ.ท. ที่มีความต้องการนวัตกรรมเข้ามาสนับสนุนธุรกิจ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมให้เข้มแข็ง และผลักดันสตาร์ตอัพสู่การเป็นยูนิคอร์นในประเทศไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ถือเป็นภาคเอกชนรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวน 1 พันล้านบาท จากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ในการดำเนินโครงการกองทุนอินโนเวชั่นวัน ภายในกรอบระยะเวลา 3 ปี

ด้านศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า ที่ผ่านมา การนำงานวิจัยมายกระดับขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมไทย และการสนับสนุนสตาร์ตอัพไทยให้มีการเติบโต ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรมของประเทศนั้นยังมีอีกหลายข้อที่สามารถเพิ่มเติมให้ดีขึ้นได้

ดังนั้น โครงการกองทุนอินโนเวชั่นวัน จึงถูกออกแบบและจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้สตาร์ตอัพไทยได้มีโอกาสเข้าถึงตลาด โดยเฉพาะตลาดภาคอุตสาหกรรมเพื่อทำให้สตาร์ตอัพไทยสามารถเติบโตได้ และสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยผ่านเทคโนโลยีของสตาร์ตอัพได้ด้วย

“โครงการกองทุนอินโนเวชั่นวัน จึงเป็นโครงการกองทุนแนวคิดใหม่ที่ทางกระทรวงฯ เห็นว่าจะสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศได้ ผ่านความร่วมมือกับภาคเอกชน โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย” ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก กล่าวเสริม

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า เราพร้อมเดินหน้าดำเนินโครงการกองทุนอินโนเวชั่นวัน เพื่อสนับสนุนสตาร์ตอัพรุ่นใหม่ที่มีทักษะ ความรู้ ความสามารถ และมีฝีมือด้านเทคโนโลยีให้เติบโตได้ภายในประเทศ และสามารถก้าวไปแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ได้

โดยจะเชื่อมต่อธุรกิจสตาร์ตอัพที่มีนวัตกรรมเข้ากับ SMEs ภาคอุตสาหกรรมในเครือข่ายสมาชิกของเราที่ต้องการนวัตกรรมเข้ามาสนับสนุนธุรกิจ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดรับกับนโยบาย ONE FTI ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในวาระปี 2565-2567 นี้ และเรามุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติงานที่มีเป้าหมายในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทย เพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม

“ผมขอขอบคุณภาครัฐที่ให้ความไว้วางใจ ส.อ.ท. ซึ่งเป็นภาคเอกชนรายแรกของประเทศไทยที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนภายใต้งบประมาณ 1 พันล้านบาท จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และถือเป็นโอกาสที่ดียิ่งของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินโครงการให้เกิดความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยครับ” นายเกรียงไกร กล่าวเสริม