

- ปรับตัวดี จากปิโตรเคมีและการกลั่น
- ฟาดกำไรพุ่งติดลมบน302หมื่นล้านบาท
- เพิ่มขึ้น100%เมื่อเทียบกับไตรมาส4ปี63
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เผยรายได้ของกลุ่ม ปตท. ในไตรมาส 1 ปี นี้ว่า อยู่ที่ 477,837 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 70,663 ล้านบาท หรือ 17.4 %จากไตรมาส 4 ปี ที่ผ่านมา โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) ในไตรมาส 1 อยู่ที่จำนวน 102,997 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31,383 ล้านบาท หรือ 43.8 %จากไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับ ผลการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจได้ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ซึ่งเป็นผลจากราคาปิโตรเลียมและปิโตรเคมีในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ฟื้นตัวหลังจากการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) รวมถึงการใช้วัคซีนป้องกัน โควิด -19 เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ทั้งนี้ กำไรสุทธิของ ปตท. และบริษัทย่อย ในไตรมาส 1 มีจำนวน 32,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,441 ล้านบาท หรือมากกว่า 100%จาก 13,147 ล้านบาท ในไตรมาสก่อนหน้า

ขณะเดียวกัน สถานะการเงินของปตท. และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่าบริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,746,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202,532ล้านบาท หรือ 8%จาก ณ วันที่ 31 ธ. ค. 2563 สาเหตุหลักจากที่ดิน อาคารและ อุปกรณ์เพิ่มขึ้น 86,349 ล้านบาท จากการซื้อธุรกิจของ บริษัทในกลุ่มปตท. รวมถึงการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้และสินค้าคงเหลือตาม ราคาผลิตภัณฑ์ที่สูงขึ้น ในขณะที่มีหนี้สินรวม 1,343,557 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85,219ล้านบาท หรือ 6.8% ซึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวที่เพิ่มขึ้น 54,999ล้านบาท โดยหลักจากการออกหุ้นกู้สกุลเงิน เหรียญสหรัฐฯ ของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือจีซี ประกอบกับเจ้าหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นตาม ต้นทุนการซื้อสินค้าและวัตถุดิบที่สูงขึ้น นอกจากนี้ มีส่วนของผู้ถือหุ้น 1,403,158ล้านบาท เพิ่มขึ้น 117,313 ล้านบาท หรือ 9.1 %โดยหลักจากการเพิ่มทุนของบริษัท ปตท.น้ ามันและการค้าปลีกจ ากัด (มหาชน)หรือโออาร์ และก าไรสุทธิ ของปตท. และบริษัทย่อยเมื่อไตรมาส1ที่ผ่านมา