

- กลุ่มบริษัทบางจากเปิด 9 เดือนแรกปี’65 กำไรรวม 12,103 ล้านบาท ไตรมาส 3 กำไร 2,470 ล้านบาท
- ท่ามกลางแรงกระเพื่อมราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกลดลง
- ได้พลังบวกธุรกิจโรงกลั่นกับธุรกิจต้นน้ำในนอร์เวย์โตแรงหนุนการเงินแกร่ง
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทบางจาก 9 เดือนแรก ปี 2565 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 227,619 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72 % มีกำไรก่อนหักภาษี หรือ EBITDA 37,773 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 128 % มีกำไรในของบริษัทใหญ่ 12,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันกับปีก่อน106 % คิดเป็นกำไรต่อหุ้น8.64 บาท
เหตุที่ EBITDA ปรับเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย OKEA ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี2564 เป็นต้นมา ส่วนที่เหลือปรับเพิ่มขึ้นจากผลการดำเนินงานของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้

กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA รวม 15,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อนซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจาก “อุปสงค์ฟื้นตัว” หลังผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางฟื้นตัวขึ้น “อุปทานน้ำมัน” ยังตึงตัวจากความขัดแย้งยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่ “ราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวลดลง” ช่วงไตรมาส3 ปี 2565 จากความกังวลกับเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอย และอัตราเงินเฟ้อยังเป็นปัญหาต่อเนื่อง
แต่ก็ยังได้รับแรงหนุนจากกลุ่มโอเปกพลัสปรับลดปริมาณการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมันเมื่อช่วงปลายกันยายนปีนี้ทำให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 9 เดือนแรก ปี 2565 อยู่ที่ 100.29 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 33.93 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือ สูงขึ้นกว่า 51 % จากช่วงเดียวกันของปี 2564 meให้กลุ่มบริษัทบางจาก มี Inventory Gain 5,754 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปีก่อน
และผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพ เพิ่มความหลากหลายผลิตภัณฑ์ ทำให้ธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่นพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ช่วง 9 เดือนแรก กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นฯ สามารถคงอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยสูงในระดับ 122,600 บาร์เรลต่อวัน หรือ คิดเป็น 102 % -v’กำลังการผลิตรวม-v’โรงกลั่น

กลุ่มที่ 2 ธุรกิจการตลาด มี EBITDA รวม 2,789 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปัจจัยบวกจากปริมาณจำหน่ายเพิ่มขึ้น เพราะโควิด-19 คลี่คลายลง ผนวกค่าการตลาดรวมสุทธิต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้น เพราะไตรมาสก่อนหน้ารัฐมีนโยบายผ่อนคลายเพดานราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลตามสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกมากขึ้น ไตรมาสนี้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปเฉลี่ยลดลงตามตลาดโลก ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการสะท้อนต้นทุนน้ำมันสำเร็จรูปมากขึ้นและอุปสงค์การใช้น้ำมันดีเซลในโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) มีราคาสูงทำให้ทั้งปริมาณและค่าการตลาดของตลาดอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเช่นกัน
กลุ่มที่ 3 ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA รวม 5,396 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น โดยหลักมาจากการเปิดเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 3 โครงการ กำลังการผลิตตามสัญญารวม 65 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป.ลาว กับเงินดอลลาร์สหรัฐเทียบเงินบาทแข็งค่ามากขึ้น และรับรู้กำไรจากการขายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท Star Energy Group Holdings Pte. Ltd. อีก 2,031 ล้านบาท
กลุ่มที่ 4 ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 471 ล้านบาท ลดลง 71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะปริมาณการจำหน่ายไบโอดีเซล (B100) ลดลง จากการที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ประกาศปรับเปลี่ยนส่วนผสม B100 ในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก B10 เมื่อช่วง 9 เดือนแรกปีก่อน มาเป็น B5 ช่วงปีนี้ ปริมาณการจำหน่านเอทานอลลดลงจากการบริหารแผนการขาย ช่วงไตรมาส 3 ปีที่แล้วรับรู้กำไรจากการปรับปรุงมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนด้วย
กลุ่มที่ 5 ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ มี EBITDA รวม 13,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305 % ได้แรงหนุนจากการลงทุนในธุรกิจต้นน้ำที่นอร์เวย์ โดย OKEA ASA มีรายได้จากการขายน้ำมันดิบและก๊าซ 2 เท่าของช่วงเวลา 9 เดือนแรกปีก่อน เนื่องจากราคาพลังงานปรับเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติขึ้น153 % แต่ผลดำเนินงานได้รับผลกระทบจากการตั้งด้อยค่าแหล่ง Yme ประมาณ 220 ล้านบาท (หลังหักภาษีและตามสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทบางจาก)
สำหรับไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 74,767 ล้านบาท มีEBITDA 11,487 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกปรับลด ไตรมาสนี้กลุ่มบริษัทบางจากจึงมี Inventory Loss 2,698 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี Operating GRM ลดลงตาม Crack Spread

อีกทั้ง Crude Premium ปรับเพิ่มขึ้น กลุ่มธุรกิจตลาด แม้ว่าจะมีค่าการตลาดปรับเพิ่มขึ้น แต่ได้รับผลกระทบจากInventory Loss ทำให้ผลการดำเนินงานปรับลดลงขณะที่กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติฯ ช่วยลดผลกระทบดังกล่าวข้างต้น และไตรมาสนี้ OKEA มีรายได้จาการขายน้ำมันดิบและก๊าซสูงสุด เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากราคาขายก๊าซธรรมชาติเทียบกับไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้น136 % ไตรมาสนี้ในส่วนบริษัทใหญ่จึงมีกำไร 2,470 ล้านบาท คิดเป็น กำไรต่อหุ้น 1.73 บาท
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไตรมาส 4 ปี 2565 เป็นช่วงไฮซีซันจะมีหลายปัจจัยช่วยหนุน อุปสงค์การใช้น้ำมัน ทั้งเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวในประเทศ ภาครัฐให้โควิดเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง และผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศไทยต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น และโรงไฟฟ้ายังต้องการใช้ดีเซลต่อเนื่อง เพื่อทดแทนการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่มีราคาสูง
ขณเดียวกันกลุ่มบริษัทบางจากให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจคาร์บอนต่ำ เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายขององค์กรเรื่อง Carbon Neutrality ในปี 2573 (ค.ศ. 2030) และ Net Zero ในปี 2593 (ค.ศ. 2050) โดยการสร้างสมดุลระหว่างความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ ได้แก่ ความมั่นคงด้านพลังงาน(Energy Security) การเข้าถึงพลังงาน (Energy Affordability) และความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม(Environmental Sustainability)
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen