กระทรวงเกษตรฯ ตีตั๋วด่วนสั่งกรมปศุสัตว์ส่งทีมควบคุม “โรคคอบวม” ในโค-กระบือ หลังพบระบาดหนักที่มหาสารคาม-ขอนแก่น



  • อธิบดีกรมปศุสัตว์ประกาศเขตควบคุมโรค ห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์
  • ส่งชุดเฉพาะกิจฉีดวัคซีนในโค-กระบือที่ป่วย
  • พร้อมติดตาม เฝ้าระวังสถานกาารณ์ใกล้ชิด

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการด่วนให้กรมปศุสัตว์เข้าควบคุมโรคคอบวมที่เกิดขึ้นในโค-กระบือ ซึ่งระบาดที่จังหวัดมหาสารคามและขอนแก่น โดยต้องป้องกันไม่ให้แพร่ออกไปเป็นวงกว้าง รวมทั้งเร่งรักษาสัตว์ป่วย ฉีดวัคซีนโค-กระบือ ที่ร่วมฝูงในพื้นที่ระบาด อีกทั้งต้องไม่ให้เคลื่อนย้ายสัตว์เข้า-ออกพื้นที่ โดยต้องแจ้งเตือนให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือ เฝ้าระวังโรคดังกล่าว ซึ่งหากพบโค-กระบือ แสดงอาการผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอทันที รวมถึงได้ให้ปศุสัตว์อำเภอให้ความรู้เกษตรกรเกี่ยวกับการป้องกันโรคคอบวม ตลอดจนฉีดวัคซีนป้องกันโรคในโค-กระบือ เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อเกษตรกร

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า โรคเฮโมรายิกเซพติกซีเมียหรือที่รู้จักในชื่อ “โรคคอบวม” เกิดที่จังหวัดมหาสารคามเป็นจุดแรก ล่าสุดมีกระบือป่วย 28 ตัว และตาย 25 ตัว ต่อมาพบที่จังหวัดขอนแก่น มีกระบือป่วย 4 ตัว และตาย 1 ตัว มีโคเนื้อตาย 1 ตัว โดยโรคคอบวมเป็นโรคระบาดร้ายแรงในกระบือ เนื่องจากมีอัตราป่วยและตายสูงเป็นโรคสัตว์ที่ไม่ติดคน เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่พบอยู่ในระบบทางเดินหายใจของสัตว์ปกติ ซึ่งสัตว์จะไม่แสดงอาการป่วย แต่เมื่อมีภาวะที่ทำให้สัตว์เครียด เช่น ช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะต้นหน้าฝนมีการเคลื่อนย้ายสัตว์หรือการใช้แรงงานสัตว์มากเกินไป สัตว์จะแสดงอาการป่วยและขับเชื้อออกมาในสิ่งแวดล้อมผ่านสิ่งขับถ่ายต่าง ๆ และปนเปื้อนในอาหารและน้ำ เมื่อสัตว์อื่นมาสัมผัสเชื้อ ทำให้สัตว์ป่วยและเกิดการแพร่กระจายของโรคอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ทางกรมปศุสัตว์ได้ระดมกำลังชุดเฉพาะกิจจากส่วนกลางและภูมิภาค เข้าควบคุมโรคไม่ให้แพร่กระจายไปยังพื้นที่อื่นๆ โดยเมื่อพบสัตว์ต้องสงสัยหรือแสดงอาการป่วยด้วยโรคคอบวม จะเก็บตัวอย่างส่งตรวจที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตว์แพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น เพื่อเพาะเชื้อและทดสอบยาที่มีความไวต่อการรักษา 

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประกาศเขตโรคระบาดชั่วคราวชนิดโรคเฮโมรายิกเซพติกซีเมียในโค-กระบือพื้นที่ อ.บรบือ อ.กุดรัง และ อ.นาดูน จ.มหาสารคาม ต่อมาประกาศเขตโรคระบาด พื้นที่ อ.บ้านไผ่ จ. ขอนแก่น  เพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ป่วยและสัตว์ในพื้นที่ บันทึกสั่งกักโค -กระบือในพื้นที่พบโรคทั้งหมด รักษาโค-กระบือป่วยด้วยยาปฏิชีวนะที่ไวต่อเชื้อ ร่วมกับการรักษาทางอาการ ตั้งจุดตรวจสัตว์และซากสัตว์ เพื่อควบคุมการเคลื่อนย้ายโค กระบือเข้า-ออกในพื้นที่

นอกจากนี้ ยังเร่งฉีดวัคซีนให้กับโค-กระบือร่วมฝูงในรัศมี 5 กิโลเมตร จากจุดเกิดโรค ให้คำแนะนำตลอดจนควบคุมการทำลายซากโค-กระบือ ให้ถูกสุขลักษณะโดยการฝังกลบ รวมทั้งทำลายเชื้อโรคบริเวณที่ฝังซาก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค ทำลายเชื้อโรคบริเวณจุดเสี่ยง จนกว่าจะไม่พบสัตว์ป่วยเพิ่มเติม ที่สำคัญคือ เฝ้าระวังเชิงรุกทางอาการ โดยให้ปศุสัตว์อำเภอร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลค้นหาโรคในพื้นที่ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์รับแจ้งสัตว์ป่วยที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ

“ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับกระบือและโคที่มีอายุตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป โดยวัคซีนดังกล่าวสามารถคุ้มโรคได้นานถึง 1 ปี และสังเกตอาการโค กระบือ ของตนเอง หากพบสัตว์แสดงอาการป่วยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอ หรือปศุสัตว์จังหวัด หรือแจ้งสายด่วนกรมปศุสัตว์ที่ 063-2256888 หรือแอปพลิเคชั่น DLD 4.0 โดยทันที เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้เร่งดำเนินการให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที” นายสัตวแพทย์สรวิศ กล่าว