กรมสรรสามิต เผยยอดจำหน่าย “รถยนต์-เบียร์” เริ่มคึกคัก คาดสิ้นปีเก็บรายได้ครบตามเป้า!



นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัว ในช่วง 5 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2564 คือช่วงเดือนต.ค.2563 -ก.พ.2564 นี้ กรมสรรพสามิต มียอดจัดเก็บรายได้รวม 233,000 ล้านบาท ต่ำกว่าปีที่แล้ว 9.44 % แต่สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ (เป้าที่ทบทวนใหม่แล้ว 548,000 ล้านบาท) จำนวน 1.12%

ทั้งนี้ในช่วง 5 เดือนของปีงบประมาณนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า ยอดขายรถยนต์และเบียร์พุ่งสูงขึ้น จากเป้าหมายที่กรมตั้งไว้ โดยรถยนต์สูงกว่าเป้าหมาย 17.43%  โดยจัดเก็บภาษีได้  36,677 ล้านบาท และภาษีเบียร์ สูงกว่าเป้าหมาย 4.20 % โดยจัดเก็บภาษีได้  34,671 ล้านบาท

ขณะที่อีก 4 สินค้าที่มีภาระภาษีสรรพสามิต ในรอบ 5 เดือนแรกยังคงติดลบ โดยรายได้จากภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ติดลบ 4.13% จากเป้า สุรา ติดลบ0.78% ยาสูบ ติดลบ2.58% และเครื่องดื่ม ติดลบ 12.53%

“หวังว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หากมีการเปิดประเทศมากขึ้น จะส่งผลให้เกิดการเดินทางภายในประเทศมากขึ้น และทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันสูงขึ้น ก็จะทำให้รายได้จากภาษีสรรพสามิตน้ำมันสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งรายได้จากภาษีน้ำมันถือเป็นรายได้สำคัญอันดับที่หนึ่งของกรมสรรพสามิต  ดังนั้นประมาณการของกรมในปีนี้ ยังเชื่อจะสามารถทำได้สูงกว่าเป้า(ที่ทบทวนแล้ว) ที่ตั้งไว้ที่ 548,000 ล้านบาท เล็กน้อย”

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการจัดเก็บภาษีรถยนต์ ซึ่งสามารถเก็บภาษีได้อย่างมีนัยยะสำคัญ ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการจัดงาน MOTOR EXPO ในช่วงเดือน ธ.ค.63 ขณะที่ช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.64 ก็ยังสามารถเก็บภาษีได้ และรวมไปถึงการเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย แม้ที่ผ่านมาจะมีมาตรการควบคลุมการดื่มแอลกอฮอล์ ป้องการโควิด-19 แพร่ระบาด แต่ก็ยังเก็บภาษีได้ดี

สำหรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่เพื่อรับกับนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศนั้น เชื่อว่าการช่วงเวลาของการปรับเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ไปสู่รถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า คงใช้เวลาระยะหนึ่ง โดยกรมสรรพสามิตจะพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าเราจะส่งเสริมรถยนต์ประเภทใด