กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ลุยปราบนอมินี ตรวจนิติบุคคล 26,000 ราย

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กางแผนปราบนอมินี ปี 67 ตรวจสอบนิติบุคคล 26,000 ราย ธุรกิจท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ โรงแรม-รีสอร์ต ใน 9 จังหวัดเป้าหมาย

  • ผลตรวจปี 66 ตรวจสอบ 15,000 ราย
  • พบต้องตรวจเชิงลึก 400 ราย จับได้ 8 ราย ส่งดำเนินคดีแล้ว
  • ส่วนที่ผิดกฎหมายอื่น ส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการ

 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงแผนการตรวจสอบธุรกิจที่มีลักษณะนอมินี หรือการให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวเพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตประกอบธุรกิจตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ว่า ในปี 67 กรมมีแผนที่จะตรวจสอบธุรกิจที่มีแนวโน้มเข้าข่ายเป็นนอมินีตั้งแต่ขั้นตอนการจดทะเบียน โดยก่อนจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล จะตรวจสอบเอกสารที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองหรือแสดงฐานะการเงินของผู้เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นคนไทยที่ลงทุนหรือถือหุ้นในนิติบุคคลร่วมกับคนต่างด้าว เพื่อแสดงความน่าเชื่อถือว่าคนไทยที่ร่วมลงทุนมีฐานะทางการเงินที่สามารถลงทุนด้วยตนเองได้ และเมื่อจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว ก็ยังจะกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง ตามแผนงานโครงการตรวจสอบประจำปี ซึ่งในปี 67 มีเป้าหมายตรวจสอบนิติบุคคลประมาณ 26,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต เป้าหมาย 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชลบุรี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และกรุงเทพฯ 

 สำหรับการตรวจสอบนิติบุคคลดังกล่าว พิจารณาจากการถือหุ้นของคนต่างด้าว ตั้งแต่ 40% ขึ้นไป เป็นธุรกิจที่มีคนต่างด้าวเป็นผู้มีอำนาจกระทำการ มีการกำหนดให้สิทธิ์คนต่างด้าวมากกว่าคนไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิ์การออกเสียงลงคะแนน สิทธิ์การรับเงินปันผล รวมทั้งสิทธิ์การรับคืนทุนเมื่อเลิกกิจการ เป็นต้น และยังได้นำเรื่องแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น การกู้ยืมหรือให้กู้ยืมเงินแก่คนต่างด้าวโดยมีเงื่อนไขที่ผิดปกติในทางการค้าหรือทางธุรกิจการเงินทั่วไป มาประกอบการพิจารณาด้วย 

ส่วนผลการตรวจสอบนอมินีในปี 66 กรมได้ตรวจสอบนิติบุคคลที่มีความเสี่ยงรวม 15,000 ราย และเมื่อตรวจสอบแล้ว เห็นว่า ต้องตรวจสอบเชิงลึกประมาณ 400 ราย จึงได้ทำการตรวจสอบ จนพบพฤติกรรมน่าสงสัย และได้ส่งดำเนินคดีรวม 8 ราย ตามความผิดของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ส่วนรายอื่นๆ ที่ไม่ผิดกฎหมายที่กรมดูแลอยู่ แต่ผิดกฎหมายของหน่วยงานอื่น เช่น การตรวจคนเข้าเมือง หรือภาษี ได้ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อแล้ว 

นอกจากนี้ ล่าสุดกรมได้ร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรในการแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ระหว่าง 6 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการท่องเที่ยว สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ร่วมกัน เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.66  เพื่อให้การดำเนินงานด้านการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล การกำกับดูแลและการป้องปราม การส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว และการจัดศูนย์ปฏิบัติการร่วมแก้ไขปัญหามีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น และจะมีการหารือร่วมกันในแผนการปฏิบัติงานร่วมกันต่อไป