กรมการค้าต่างประเทศ ตั้งเป้าปั๊มยอดส่งสินค้าแฟชั่นโต1%

  • กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมพาผู้ประกอบการคว้าโอกาสจากวิกฤตสงครามการค้าสหรัฐฯและจีน
  • เดินหน้าดันยอดส่งออกสินค้าแฟชั่นรวมอัญมณีและเครื่องประดับเติบโต1%ในปีนี้
  • กระตุ้นผู้ประกอบการปั้นแบรนด์ลุยตลาดอินเตอร์

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนอย่างต่อเนื่องซึ่งล่าสุดเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นเนื่องจากทั้งสองฝ่ายกำลังเดินหน้าเจรจาเพื่อหาจุดยืนร่วมกันเพื่อบรรเทาผลกระทบที่มีต่อภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศทั้งนี้สงครามการค้าได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประเทศอื่นๆที่อยู่ในซัพพลายเชนของการผลิตซึ่งในส่วนของประเทศไทยนั้นจะได้รับทั้งผลดีและผลเสียจากความขัดแย้งครั้งนี้

“ในระยะสั้นถึงกลางการที่สหรัฐฯเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนรวมถึงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจะทำให้สินค้านำเข้าจากจีนมีราคาสูงขึ้นดังนั้นผู้นำเข้าจากสหรัฐฯอาจหันไปนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่นรวมถึงไทยแต่หากจีนส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับไปสหรัฐฯได้น้อยลงก็อาจนำเข้าสินค้าจากไทยโดยเฉพาะสินค้ากึ่งวัตถุดิบเช่นพลอยสีน้อยลงเช่นกัน”

ขณะที่ในระยะยาวสงครามการค้าจะส่งผลให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯและจีนซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกชะลอตัวลงและกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

“ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอเรามั่นใจว่าผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพที่จะพัฒนาสินค้าเพื่อหาโอกาสใหม่ๆในตลาดทั่วโลกโดยเฉพาะการหันมาเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มหรือniche market และผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้อ  ดังนั้นแนะนำต่อผู้ประกอบการไทยจึงต้องติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าอย่างใกล้ชิดขณะเดียวกันก็ต้องเร่งปรับตัวสร้างแบรนด์สินค้าให้แข็งแกร่งผลิตและออกแบบสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆเพื่อเสริมกับตลาดเดิมที่มีอยู่ด้วย”

สำหรับลูกค้าต้องการสินค้าที่มีความเป็นunique มากขึ้นสวมใส่แล้วต้องสะท้อนความเป็นตัวตนและแตกต่างจากคนอื่นและต้องการเครื่องประดับที่มีฟังก์ชั่นอื่นเพิ่มเติมเช่นวัดชีพจรนับก้าวหรือเป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวแต่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบใส่ได้ในหลายโอกาสนอกจากนี้ผู้ประกอบการควรสร้างสรรค์สินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับกลางและบนมากขึ้นเพราะลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้อไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม”

ทั้งนี้ได้ตั้งเป้ายอดการส่งออกสินค้าแฟชั่นรวมอัญมณีและเครื่องประดับในปี2562 เติบโตประมาณ1% จากปีที่ผ่านมาโดยพร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมต่างๆเพื่อหาตลาดและคู่ค้าใหม่ๆให้กับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องเช่นการจัดคณะผู้แทนการค้าไปเยือนตลาดเป้าหมายเพื่อหาลู่ทางการค้าการลงทุนการเชิญผู้นำเข้าจากต่างประเทศมาเยือนประเทศไทยในช่วงงานBangkok Gems & Jewelry Fair ในเดือนกันยายนนี้การจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจการพัฒนาการซื้อขายสินค้าผ่านE-commerce เป็นต้น

ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมภาพลักษณ์อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยผ่านแคมเปญThailand Magic Hands: the Spirit of Jewelry Making ในตลาดสำคัญทั้งUAE อินเดียและอิตาลีพร้อมทั้งการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับยังเติบโตได้ดี

ในช่วงครึ่งปีแรก(ม.ค.-มิ.ย. 2562) ประเทศไทยส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมูลค่ารวม7,245.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐโดยมูลค่าการส่งออกสินค้าพลอยไข่มุกและเครื่องประดับเทียมขยายตัว19.72%, 46.22% และ6.40% ตามลำดับโดยตลาดอินเดียได้แรงหนุนจากการส่งออกพลอยไข่มุกและอัญมณีสังเคราะห์ทำให้มูลค่าส่งออกพุ่งถึง95.14% ตลาดสวิตเซอร์แลนด์เพิ่มขึ้น27.12% จากพลอยและเครื่องประดับอัญมณีเทียมตามด้วยตลาดUAE ภาพรวมเพิ่มขึ้น4.37%

ขณะที่การส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ(ไม่รวมทองคำไม่ขึ้นรูป) มีมูลค่า3,848.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐลดลง0.45% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาโดยการส่งออกไปตลาดหลักเช่นฮ่องกงและสหรัฐหดตัวลงถึง7.67% และ3.48% ตามลำดับจากผลกระทบสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน

ในส่วนของกิจกรรมส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยและสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการได้พบคู่ค้าใหม่ๆกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกระทรวงพาณิชย์เตรียมจัดงานใหญ่ระดับสากลงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับBangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่64 ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่10-14 กันยายน2562 ณชาเลนเจอร์ฮอลล์1-3 อิมแพ็คเมืองทองธานีผู้ที่สนใจติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าชมงานBangkok Gems and Jewelry Fair ล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์www.bkkgems.com