“กรณ์” แนะ “บิ๊กตู่” โยกเงินกู้ 6 แสนล้าน เยียวยาประชาชน เสนอ 3 ทางออกแบบด่วน สู้พิษโควิดระลอกใหม่



  • ลั่นเวลานี้ อยากได้ยินนายกฯ พูด “เราจะทำทุกอย่าง ใช้ทุกทรัพยากรที่มี เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนนัอยที่สุด”
  • เผยวันนี้เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลทำได้ทันทีคือ การ ส่งสัญญานสร้างความเชื่อมั่น
  • ชี้ปัญหาที่ เกิดการระบาดนี้ เพราะความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เกิดจากผลของระบบราชการที่ล้าหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ม.ค.64) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก : กรณ์ จาติกวณิช – Korn Chatikavanij กล่าวถึง สถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดในระลอกใหม่ ร่วมถึงแนะทางออกเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประขาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยมีเนื้อหาระบุว่า…

[ ทางออกเร่งด่วน ต่อโควิดระบาดระลอกใหม่ ] 

‘โยกเงินกู้ 6 แสนล้าน’ เร่งเยียวยาประชาชน 

ลงมือทำ 3 ข้อเร่งด่วน ช่วยเหลือ 4 กลุ่มสาหัส

“เราจะทำทุกอย่าง ใช้ทุกทรัพยากรที่มี เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนนัอยที่สุด” นี่คือคำประกาศที่เราอยากได้ยินจากท่านนายกรัฐมนตรีในวันนี้ 

วันนี้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งถึง 315 คน สูงที่สุดที่เคยมีมาและยังไม่มีแนวโน้มลดลง 

ซึ่งความต่างที่สำคัญเมื่อเทียบกับ 7-8 เดือนก่อนคือ วันนี้ประชาชนและคนค้าขายแทบทุกคนอยู่ในสภาพ ‘เงินหมดแล้ว’ 

วันนี้เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลทำได้ทันทีคือ การ “ส่งสัญญานสร้างความเชื่อมั่น” ให้ผู้ประกอบการและแรงงานที่กำลังเดือดร้อนรับรู้ว่า รัฐบาลมีเสถียรภาพทางการคลังเพียงพอ มีศักยภาพที่พร้อมทำทุกทางในการลดความเดือดร้อนของประชาชน และหากต้องกู้อีกครั้ง รัฐบาลก็มีความมั่นคงทางการเงินมากพอที่จะทำได้ โดยจะไม่ปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนไปมากกว่านี้ 

แต่ก่อนจะมีการกู้เพิ่ม ท่านนายกฯ ควรจะทบทวนแผนการใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทที่มีอยู่เดิม เพื่อให้ทุกบาททุกสตางค์ถึงมือผู้เดือดร้อนจริงโดยตรง และโดยเร็วที่สุด 

จากข้อมูลทางการล่าสุด ก้อนที่ 1 : ‘งบเยียวยา’ ยังเหลืออยู่เกือบ 200,000 ล้านที่ยังไม่เบิกจ่าย 

ส่วนงบเจ้าปัญหาคือ ก้อนที่ 2 : ‘งบฟื้นฟู’ นั้นเพิ่งเบิกจ่ายไปได้แค่ 2,600 ล้าน (จาก 400,000 ล้าน) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พร้อมของระบบราชการในการตอบโจทย์ Covid อย่างมีประสิทธิภาพ 

ท่านนายกฯ ควรโอนงบโดย ‘โยกเงินกู้’ ส่วนที่เหลือนี้ไว้ทั้งหมดกว่า 6 แสนล้าน กลับมาเร่งเยียวยาประชาชนโดยตรงอย่างเร่งด่วนก่อน เพราะจากการระบาดระลอกใหม่ มีคำสั่งที่กระทบต่อความเป็นอยู่ และรายได้ของประชาชน 4 กลุ่มเดือดร้อนสาหัส ได้แก่ 

1. พนักงานที่ถูกเลิกจ้าง เงินช่วยเหลือจากประกันสังคม 6 เดือนหมดไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถหางานใหม่ได้ รัฐบาลควรมีมาตรการในการรองรับความเดือดร้อนส่วนนี้ 

2. กลุ่มที่รับเงินเยียวยา 5 พันบาท 3 เดือน จากโครงการเราไม่ทิ้งกันก็ผ่านไปแล้ว 

3. กลุ่มประชาชนและร้านค้าที่ได้ประโยชน์จากโครงการคนละครึ่งซึ่งส่งผลดีมากๆ ตอนนี้คนไม่สามารถออกไปจับจ่ายได้อย่างเคยเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ 

4. กลุ่มผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร สถานบริการ ร้านสปานวดแผนโบราณ ฯลฯ ที่กำลังจะต้องแบกภาระดอกเบี้ย ค่าเช่า ค่าแรง ในระหว่างนี้ที่มีมาตรการควบคุมโรค รัฐสามารถช่วยรับภาระดอกเบี้ย หรือค่าแรงบางส่วนได้และควรสร้างแรงจูงใจให้เจ้าของที่เจ้าของตึกลดค่าเช่าให้ผู้ประกอบการโดยใช้แรงจูงใจทางภาษีมาช่วย 

พรรคกล้า ขอเสนอทางออกเพื่อท่านนายกรัฐมนตรี เร่งช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม โดยด่วน 

ด่วนแรก ส่งสัญญาณให้ชัดว่า “เราจะทำทุกอย่าง ใช้ทุกทรัพยากรที่มี เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด” : ความเชื่อมั่นสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด 

ด่วนที่สอง ทบทวนและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการต่างๆ ในรอบที่แล้ว เพื่อออกแบบมาตรการให้ครอบคลุมคนทุกกลุ่มที่เดือดร้อน เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และช่วยให้ถึงมือประชาชนได้อย่างแท้จริง 

ด่วนที่สาม ออกคำสั่งรวบรวมงบเงินกู้ที่ยังไม่มีการเบิกจ่าย 600,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการดูแลประชาชน 

ทั้งนี้เรื่องที่เราต้องไม่ลืม คือสาเหตุของการระบาดรอบนี้ ส่วนสำคัญมาจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกิดจากผลของระบบราชการที่ล้าหลัง ทำให้เกิดช่องโหว่ในเรื่องของการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นการข้ามแดนของคนไทย การลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าว หรือการมีบ่อนเถื่อนทั่วบ้านทั่วเมือง ล้วนแต่เป็นผลของการบริหารราชการที่ไม่มีประสิทธิภาพ และกฏกติกาที่ไม่เอื้อต่อการทำถูกกฎหมาย 

ดังนั้น การทำให้ระบบราชการมีความทันสมัย โปร่งใส และไม่เป็นภาระมากเกินไปต่อสังคมจึงเป็นภารกิจสำคัญของประเทศ – ลดการคอรัปชั่น ลดขนาดรัฐ ด้วยการใช้ gov tech หรือ e-Government มาพัฒนาระบบราชการไทย