

- เร่งคัดกรอง6หมื่นคนงาน’แคมป์ก่อสร้าง’
- ตั้งเป้าหมายเปิดจุดฉีดนอกรพ. 25 แห่งทั่วพื้นที่กทม.
วันที่ 23 พฤษภาคม 2564 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร – หอการค้าไทย” บริเวณ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า เขตบางกอกน้อย ว่า กรุงเทพมหานครและหอการค้าไทย ได้เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนนอกรพ. บริเวณ ชั้น 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า เป็น 1 ใน 25 “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร-หอการค้าไทย” ในการจัดสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลและทดสอบระบบการให้บริการ เป็นความร่วมมือการระหว่างกรุงเทพมหานคร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เพื่อทดสอบระบบการให้บริการวัคซีนตามขั้นตอน ตั้งเป้าหมายในการให้บริการฉีดวัคซีน จำนวน 1,000 คน/วัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. -17.00 น.
ทั้งนี้ วันนี้ทดสอบระบบโดยฉีดวัคซีน 520 คน ให้แก่กลุ่มที่มีความเสี่ยง ได้แก่ พนักงานเก็บขน พนักงานกวาด ครูและบุคลากรทางการศึกษาจากสำนักงานเขตบางกอกน้อยและตลิ่งชัน อาสาสมัคร พนักงานขายอาหาร ผู้ที่ขับรถยนต์สาธารณะ คนขับแท็กซี่ วินจักรยานยนต์ และต่อไปจะฉีดให้กลุ่มเป้าหมายอาชีพเสี่ยงอื่นๆ ที่สำนักอนามัยได้นำเข้าข้อมูลไว้ในระบบของ กทม.

ผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า กทม.จะเร่งขยายสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลให้ครบตามเป้าหมาย 25 แห่งทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ ภายในวันที่ 2 มิ.ย.64 และเมื่อเปิดครบทุกแห่ง จะมีศักยภาพการให้บริการฉีดวัคซีนอยู่ที่ 38,000-50,000 คน/วัน และรวมกับศักยภาพการให้บริการฉีดภายในโรงพยาบาล 126 แห่ง วันละประมาณ 30,000 คน/วัน คาดการณ์ว่าภายใน 2-3 เดือน กทม. จะสามารถฉีดวัคซีนเข็มแรกได้ประมาณ 7-8 ล้านคน จากนั้นจะฉีดเข็มที่ 2 รวมทั้งหมดคาดว่าจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนประมาณ 15 ล้านเข็มขึ้นไป
สำหรับมาตรการความปลอดภัยภายในแคมป์คนงานที่ยังเปิดทำงาน กทม.อนุญาตให้ทำงานได้ตามมาตรการการควบคุมโรคโดยการกักตัวคนงานไม่ให้ออกจากที่ทำงานและที่พัก (Bubble and Seal) ซึ่งหากพบผู้ป่วยจะคัดแยกและนำส่งโรงพยาบาล ส่วนคนงานที่ไม่ป่วย กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกับกระทรวงแรงงานฉีดวัคซีนให้แก่คนงาน นอกจากนี้จะเร่งตรวจคัดกรอง(swab) คนงานในแคมป์ก่อสร้างในพื้นที่ประมาณ 400 แห่ง คนงานประมาณ 60,000 คน

สำหรับการเข้มงวดจากการตรวจพบเชื้อโควิดสายพันธุ์อื่น กทม.มีความเข้มงวดในการควบคุมโรคมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของการคัดกรอง การฉีดวัคซีน การให้คำแนะนำประชาชน รวมทั้งขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการปฏิบัติเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนทั้งที่ฉีดวัคซีนแล้วหรืออยู่ระหว่างรอรับบริการ ปฏิบัติตามหลัก DMHTT เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ และสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัยของทุกคน