“กขค.”ยันคุมเข้ม “กลุ่มบริษัทซีพี” ทำตามเงื่อนไข 7 ข้อ



  • หลังไฟเขียวรวมธุรกิจ “ซีพี-เทสโก้ โลตัส” แล้วตั้งแต่ม.ค.64
  • ย้ำห้ามใช้อำนาจเหนือตลาดโดยมิชอบเอาเปรียบธุรกิจอื่น
  • ลั่นถ้าฝ่าฝืนปรับ 10% ของยอดขายปีที่ทำผิด และจำคุก

นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ได้อนุญาตให้ซีพี และเทสโก้ โลตัส ควบรวมธุรกิจภายใต้เงื่อนไข 7 ข้อตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.64 นั้น ขณะนี้ กขค. ได้กำกับดูแลให้กลุ่มบริษัทซีพีในตลาดร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดหลังการรวมธุรกิจอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้ ยังกำหนดแนวทางตรวจสอบและติดตามผลการปฏิบัติตามเงื่อนไข เพื่อกำกับดูแลให้มีการแข่งขันทางการค้าในตลาดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างเสรีและเป็นธรรม รวมทั้งสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยให้รายงานผลประกอบธุรกิจตามเงื่อนไขในวันที่ 1 เม.ย.64 และรายงานผลเป็นประจำทุก 3 เดือน เพื่อให้ กขค. ติดตาม และตรวจสอบการประกอบธุรกิจได้อย่างเข้มงวด     

ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทซีพีในตลาดร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางการพิจารณาทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบธุรกิจค้าส่งค้าปลีกกับผู้ผลิตหรือผู้จำหน่าย พ.ศ. 2562 อีกทั้งกลุ่มบริษัทซีพีในตลาดร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ถือว่าเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด จะต้องไม่มีการกระทำใดๆ ที่เป็นข้อห้ามของผู้มีอำนาจเหนือตลาด ตามมาตรา 50 แห่งพ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 ด้วย  

 “กขค. จะกำกับดูแล และตรวจสอบ ติดตามผล การปฏิบัติของกลุ่มบริษัทซีพีในตลาดร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ตามเวลาและเงื่อนไขที่กำหนดอย่างเข้มงวด หากพบว่า ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตาม จะมีโทษปรับทางปกครองไม่เกิน 0.5% ของมูลค่าธุรกรรมในการรวมธุรกิจ และหากฝ่าฝืนข้อห้ามการกระทำของผู้มีอำนาจเหนือตลาด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากคู่ค้าของกลุ่มบริษัทซีพีในตลาดร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ พบว่า ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขร้องเรียนได้ที่ โทร. 02- 199-5444 หรือ  www.otcc.or.th หากพบรกระทำที่เข้าข่ายความผิดจริง จะลงโทษตามกฎหมายเด็ดขาด” 

สำหรับเงื่อนไขทั้ง 7 ข้อดังกล่าว ได้แก่ 1.กลุ่มบริษัทซีพีในตลาดร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด และบริษัท สยามแมคโคร จำกัด (มหาชน) รวมทั้งบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้อง มีหนังสือรับรองว่าจะไม่รวมธุรกิจกับผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นในตลาดค้าปลีกค้าส่งเป็นระยะเวลา 3 ปี  

2.ให้แจ้งแผนการเพิ่มสัดส่วนของยอดขายสินค้าของกลุ่มสินค้าเกษตร สินค้าเกษตรชุมชน สินค้าชุมชน สินค้าโอทอป และกลุ่มสินค้าอื่นๆ โดยให้เพิ่มจากปี 63 ไม่น้อยกว่า 10% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี และให้รายงานผลการดำเนินการภายในไตรมาสแรกของทุกปี 3.ให้มีหนังสือรับรองว่าจะไม่ใช้ข้อมูลร่วมกันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการตลาด ที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าหรือวัตถุดิบ  

4.ให้คงไว้ตามเงื่อนไขของสัญญาและข้อตกลงกับผู้จัดจำหน่ายสินค้า หรือวัตถุดิบร (ซัปพลายเออร์) รายเดิมที่ได้ทำสัญญาหรือข้อตกลงไว้แล้วก่อนการรวมธุรกิจ 2 ปี 5. กำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อทางการค้า (เครดิต เทอม) แก่ผู้ผลิตสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน สินค้าโอทอป ไม่เกิน 30 วัน และกลุ่มสินค้าอื่นๆ ไม่เกิน 45 วัน เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยให้รายงานผลการให้เครดิต เทอม ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ และให้รายงานผลทุก 3 เดือน       

6.ให้รายงานผลการประกอบธุรกิจ ได้แก่ ข้อมูลสาขาและการขยายสาขาหรือยกเลิกสาขาในวันที่ 1 เม.ย.นี้ และรายงานทุก 6 เดือน และ7.ให้กำหนดมาตรฐานในการปฏิบัติทางการค้าที่ดี และเผยแพร่ต่อสาธารณชน ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ และให้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานดังกล่าว