กกร.คุมราคาน้ำตาลหน้าโรงงานโลละ 21-22 บาท

กกร. ออกประกาศใหม่ ควบคุมน้ำตาลทรายหน้าโรงงานโลละ 21-22 บาท เริ่มมีผล 15 พ.ย.นี้ หลังครม.ไฟเขียวขึ้นราคา กก.ละ 2 บาท

  • ส่วนขายปลีกไม่คุมแต่ต้องขายให้สอดคล้องกับต้นทุน
  • ห้างในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลขายไม่เกิน กก.ละ 26-27 บาท

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ภายหลังจากครม.มีมติให้ปรับขึ้นราคาน้ำตาลทรายกก.ละ 2 บาท นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้เชิญประชุมกกร.เป็นการด่วน และมอบหมายให้นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยกกร.มีมติให้ยกเลิกประกาศ กกร.ฉบับเดิมที่กำหนดราคาหน้าโรงงานน้ำตาลทรายขาวธรรมดา และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ที่กก.ละ 19-20 บาท และราคาขายปลีก ที่กก.ละ 24-25 บาท และคุมการส่งออก ที่กำหนดให้การส่งออกตั้งแต่ 1,000 กก.ขึ้นไปจะต้องขออนุญาตจากกรมการค้าภายในก่อน

ทั้งนี้ น้ำตาลทรายยังคงเป็นสินค้าควบคุม ภายใต้พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542 และกกร.จะออกประกาศฉบับใหม่ กำหนดเพียงราคาหน้าโรงงานเท่านั้น ที่กก.ละ 21-22 บาท ตามมติครม.ที่ให้ปรับขึ้นกก.ละ 2 บาท ส่วนราคาขายปลีก ไม่ได้กำหนด แต่ผู้ค้าจะต้องขายในราคาที่สอดคล้องกับต้นทุน อย่างกรณีของห้างค้าปลีก ค้าส่งในกรุงเทพฯและปริมณฑล ควรขายไม่เกินกก.ละ 26-27 บาท ส่วนร้านโชห่วย ร้านค้าทั่วไป ร้านค้าในตลาดสดราคาขายปลีกขึ้นอยู่กับช่วงของการรับซื้อ ถ้ารับมาหลายต่อ ราคาก็จะสูงขึ้น หรือขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้-ไกลสำหรับการขนส่ง หากอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ราคาขายปลีกก็อาจสูงขึ้น 

ขณะที่การส่งออก ไม่ต้องขออนุญาตกรมการค้าภายในแล้ว เพียงแค่ให้แจ้งปริมาณส่งออก และปริมาณน้ำตาลคงเหลือในสต็อก เพื่อให้กรมการค้าภายในสามารถติดตามดูแลปริมาณน้ำตาลในประเทศ ไม่ให้เกิดการขาดแคลน โดยจะประสานงานกับ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีน้ำตาลเพียงพอในการใช้ในประเทศ ทั้งนี้ คาดว่า ประกาศฉบับใหม่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 15 พ.ย.นี้เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมกกร. สอน.ยืนยันว่า น้ำตาลทรายในประเทศ ไม่ขาดแคลนแน่นอน และสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากนี้ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จะส่งเจ้าหน้าที่ทั้งจากกรมการค้าภายใน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ออกตรวจสอบสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค และการกักตุน หรือปฏิเสธการขาย โดยหากพบผู้ค้ารายใดกักตุน หรือปฏิเสธการขาย หรือขายราคาสูงเกินสมควร จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ส่วนกรณีที่ชาวไร่อ้อย ระบุก่อนหน้านี้ว่า หลังจาก ครม.ให้ปรับขึ้น กก.ละ 2 บาท ในครั้งนี้แล้ว หลังจากนั้นอาจให้ปรับขึ้นอีก กก.ละ 2 บาท เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนจริงที่เพิ่มขึ้นนั้น หากเป็นเช่นนั้นจริง สอน.ต้องหารือกับกระทรวงพาณิชย์ก่อน ตามมติครม.ที่กำหนดให้ ก่อนปรับขึ้นราคาน้ำตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรมต้องหารือกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลราคาสินค้าและค่าครองชีพประชาชนทั่วประเทศ