

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่าตามที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบของประชาชนและผู้ประกอบการ ธุรกิจในระยะเร่งด่วนจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) รอบที่ 2 เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 ที่ผ่านมานั้น เพื่อให้เกิดการปฏิบัติในลักษณะเดียวกัน สำนักงาน กกพ. จึงเชิญ 3 การไฟฟ้า และกิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ มาหารือแนวทางปฏิบัติและชี้แจงประชาชนผ่านสื่อมวลชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจใน มาตรการดังกล่าว
โดยมาตรการดังกล่าว มีขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่มีภาระค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก มาตรการ Work From Home ของรัฐบาลเป็นระยะเวลา 2 เดือน คือ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม 2564 ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้า 23.7 ล้านราย คิดเป็น 97% ของจำนวนผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ใช้งบประมาณ 8,202 ล้านบาท โดยเป็นเงินเรียกคืนฐานะการเงินของ 3 การไฟฟ้าที่ กกพ. กำกับ จำนวน 3,000 ล้านบาท และส่วนที่นำเงิน จากรัฐบาลผ่านงบประมาณภาครัฐอีก5,202 ล้านบาท

“กกพ. ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วน ภูมิภาค (กฟภ.) ได้มีการหารือร่วมกันเพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินงาน และการบริหารเงินเพื่อนำมาช่วยเหลือ ตามมาตรการดังกล่าว โดยจะนำเงินเรียกคืนฐานะการเงินจากการไฟฟ้าดังกล่าว ในปี 2563 (เบื้องต้น) รวมกับเงินคงเหลือเพิ่มเติมจากการปรับลดผลตอบแทนจากการลงทุนของการไฟฟ้า (ROIC) ในปี 2563 พร้อมทั้งหักค่าใช้จ่าย คงค้างในการสนับสนุนมาตรการโควิด-19 รอบที่ 1 แล้ว ซึ่งยอดเงินสามารถใช้ได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท เข้ามา บริหารจัดการ
“การนำงบประมาณดังกล่าว ทาง กกพ. ได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แก่ประชาชน” นายคมกฤช กล่าว
นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง ในฐานะโฆษก MEA กล่าวว่า MEA เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย รับผิดชอบดูแลจำหน่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ พร้อมดำเนินการตามมาตรการของรัฐบาล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ให้บริการของ MEA โดยมีมาตรการ ดังนี้
มาตรการที่ 1 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย ประเภท 1.1 ได้รับค่าไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก (รวมค่าบริการ) โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ในเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม 2564

มาตรการที่ 2 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย ประเภท 1.2 และ 1.3 ได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ในเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม 2564 ดังนี้
(1) กรณีการใช้ไฟฟ้าประจำเดือนที่ได้รับสิทธิ์ มีหน่วยการใช้ไฟฟ้าน้อยกว่า หรือเท่ากับหน่วยประจำเดือนธันวาคม2563 (เดือนฐาน) ให้คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริงประจำเดือนนั้น ๆ
(2) กรณีการใช้ไฟฟ้าประจำเดือนที่ได้รับสิทธิ์ มีจำนวนหน่วยมากกว่าเดือนธันวาคม 2563 (เดือนฐาน) ผู้ใช้ไฟฟ้าจะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีแนวดพเนินการ ดังนี้
– หากการใช้ไฟฟ้าประจำเดือนที่ได้รับสิทธิ์ ไม่เกิน 500 หน่วย ให้คิดหน่วยเท่ากับบิลค่าไฟฟ้าประจำเดือน ธันวาคม2563 (เดือนฐาน)
– หากการใช้ไฟฟ้าประจำเดือนที่ได้รับสิทธิ์ มากกว่า 500 หน่วย แต่ไม่เกิน 1,000 หน่วย ให้คิดหน่วยเท่ากับ บิลค่าไฟฟ้าประจำเดือนธันวาคม 2563 (เดือนฐาน) บวกด้วยหน่วยที่เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2563 (เดือนฐาน) ใน อัตรา50%
– หากการใช้ไฟฟ้าประจำเดือนได้สิทธิ์ มากกว่า 1,000 หน่วย ให้คิดหน่วยเท่ากับบิลค่าไฟฟ้าประจำเดือน ธันวาคม2563 (เดือนฐาน) บวกด้วยหน่วยที่เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2563 (เดือนฐาน) ในอัตรา 70%
มาตรการที่ 3 สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ากิจการขนาดเล็ก ประเภท 2.1 และ 2.2 (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ได้รับค่าไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยแรก (รวมค่าบริการ) โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ การให้สิทธิ์ส่วนลดตามมาตรการดังกล่าว MEA จะดำเนินการลดค่าไฟฟ้าในใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือนกุมภาพันธ์ และ มีนาคม 2564 โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้ไฟฟ้าไม่ต้องลงทะเบียนใดๆ และผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถตรวจสอบค่าไฟฟ้า และสิทธิ์ส่วนลดการใช้ไฟฟ้าในแต่ละรอบเดือนได้ที่ ใบแจ้งค่าไฟฟ้า MEA Smart Life Application และ Line MEA Connect รวมถึงผู้รับมาตรการส่วนลด สามารถดูรอบบิลค่าไฟฟ้าของเดือนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการต่างๆ ได้โดยดูจาก วันที่จดหน่วยใบแจ้งค่าไฟฟ้า ดังนี้
รอบบิลค่าไฟฟ้าเดือน ธันวาคม 2563 (เดือนฐาน) ดูได้จากรอบค่าไฟฟ้าที่มีการจดหน่วยในวันใดวันหนึ่ง ระหว่างวันที่14 ธันวาคม 2563 – 13 มกราคม 2564
รอบบิลค่าไฟฟ้าของเดือน กุมภาพันธ์ 2564 (เดือนที่ได้รับสิทธิส่วนลด) ดูได้จากรอบค่าไฟฟ้าที่มีการจดหน่วย ในวันใดวันหนึ่งระหว่างวันที่ 14 กุมภาพันธ์ – 13 มีนาคม 2564
รอบบิลค่าไฟฟ้าของเดือน มีนาคม 2564 (เดือนที่ได้รับสิทธิส่วนลด) ดูได้จากรอบค่าไฟฟ้าที่มีการจดหน่วยใน วันใดวันหนึ่งระหว่างวันที่ 14 มีนาคม – 13 เมษายน 2564
นายภานุมาศ ลิ้มสุวรรณ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) กล่าวว่า PEA มีมาตรการช่วยเหลือ ค่าไฟฟ้าเพื่อช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยและกิจการขนาด เล็กตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 เป็นเวลา 2 เดือน ตั้งแต่ใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือน กุมภาพันธ์ – มีนาคม2564 ดังนี้

ให้สิทธิ์ใช้ไฟฟ้าฟรี
1. ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยประเภท 1.1.1
– ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วย ใช้ไฟฟ้าฟรี
– ใช้ไฟฟ้าเกิน 90 หน่วย ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก และคิดค่าไฟฟ้าตั้งแต่หน่วยที่ 91 เป็นต้นไปตามปกติ
2. ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทกิจการขนาดเล็ก ประเภท 2 ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ
– ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย ใช้ไฟฟ้าฟรี
– ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วย ใช้ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยแรก และคิดค่าไฟฟ้าตั้งแต่หน่วยที่ 51 เป็นต้นไปตามปกติ

ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า
ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยประเภท 1.1.2 และ 1.2 ใช้หน่วยการใช้ไฟฟ้าตามใบแจ้งค่าไฟฟ้าประจำเดือน ธันวาคม 2563 เป็นเดือนฐานสำหรับการคิดเงิน
1. การใช้ไฟฟ้ารายเดือนน้อยกว่าหรือเท่ากับหน่วยการใช้ไฟฟ้าของเดือนฐานให้คิดค่าไฟฟ้าจากหน่วย การใช้ไฟฟ้าจริงในเดือนนั้น
2. การใช้ไฟฟ้ารายเดือนมากกว่าหน่วยการใช้ไฟฟ้าของเดือนฐาน
2.1 ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วย หน่วยที่คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยเดือนธันวาคม 2563
2.2 ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 500 แต่ไม่เกิน 1,000 หน่วย หน่วยที่คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยของเดือนธันวาคม 2563 บวกด้วย50% ของหน่วยส่วนที่เกินหน่วยเดือนธันวาคม 2563
2.3 ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 1,000 หน่วย หน่วยที่คิดค่าไฟฟ้าเท่ากับหน่วยของเดือนธันวาคม 2563 บวกด้วย 70% ของหน่วยส่วนที่เกินหน่วยเดือนธันวาคม 2563
ด้าน พลเรือโท กวี องคะศิลป์ ผู้จัดการกิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้เห็นชอบมาตรการเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่นั้น กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ มีความพร้อมในการดำเนินการ และสามารถสนับสนุนการปรับลดค่าไฟตามที่รัฐบาลกำหนดให้ครอบคลุมในพื้นที่สัปทานได้ กิจการไฟฟ้าฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในห้วงเวลาแห่งความยากลำบากในครั้งนี้ เฉกเช่นเดียวกับ ในการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในครั้งแรก กิจการไฟฟ้าฯ ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องประชาชนได้ก้าวข้ามวิกฤติ ในครั้งนี้ไปด้วยกัน