กกต.เตือนผู้สมัครไม่ยื่นบัญชีรายรับ-รายจ่าย-ยื่นเท็จ ถอนสิทธิเลือกตั้ง 5-10 ปี



  • โทษหนักทั้งจำคุกไม่เกิน 2ปี
  • ปรับไม่เกิน 40,000 บาท
  • ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้

วันที่ 1 ก.ค.2566 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้จัดทำอินโฟกราฟฟิกเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรค การเมืองผู้ใดไม่ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งต่อ กกต.ในระยะเวลาที่กำหนดจะมีผลอย่างไร โดยเนื้อหาระบุว่าหากไม่ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่าย ภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือจงใจยื่นเอกสารหรือหลักฐานไม่ถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี ซึ่งผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรคการเมือง สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากมาตรา 155 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

มาตรา 155 ผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรคการเมืองใด ไม่ยื่นบัญชีรายรับรายจ่ายต่อคณะกรรมการภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือจงใจยื่นเอกสารหรือหลักฐานไม่ถูกต้องครบถ้วน ตามมาตรา 67 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด5ปี ถ้าบัญชีรายรับและรายจ่ายที่ยื่นตามมาตรา 67 เป็นเท็จ ผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่1-5ปี และปรับตั้งแต่20,000-100,000บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด10ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการทำอินโฟกราฟิกดังกล่าวนี้มีขึ้นภายหลังจากสำนักงาน กกต.จัดประชุมคณะกรรมการตรวจสอบค่าใช้จ่ายเลือกตั้งส.ส. รุ่นที่1 เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย คณะกรรม การตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ส.ส.ประจำศูนย์ปฏิบัติงานการตรวจสอบแบบแบ่งเขตเลือกตั้งประจำจังหวัด และกรุงเทพ มหานคร จำนวน 38 จังหวัด

ทั้งตัวแทนของส่วนราชการที่มีความรู้ทางด้านการเงินและบัญชีหรือผู้ที่มีความรู้ด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งส.ส. ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กรมบัญชีกลาง กรมสรรพากร กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สำนักงบประมาณ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ผู้บริหาร และพนักงานของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค.