- เหตุสหรัฐฯ-ยุโรปกลับมาเปิดธุรกิจได้ตามปกติ
- แต่ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจเอเชีย-อาเซียน
- หลังสายพันธ์เดลตาระบาดหนักและยังคุมไม่ได้
ไอเอ็มเอฟ คาดเศรษฐกิจโลกปีนี้ขยายตัว 6% จากการเติบโตของสหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน อินเดีย หลังการระบาดเริ่มคลี่คลาย และเปิดเศรษฐกิจได้อีกครั้ง แต่ปรับลดคาดการณ์ของเอเชีย อาเซียน รวมไทย เพราะโควิดสายพันธ์เดลตายังระบาดหนัก
ไอเอ็มเอ เผยแพร่รายงานคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้ คาดขยายตัวได้ 6% เท่ากับที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเม.ย.64 ซึ่งเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากติดลบ 3.2% เมื่อปี 63 โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดขยายตัว 7% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เมื่อเดือนเม.ย.ที่ 6.4% ส่วนสหภาพยุโรป คาดขยายตัว 4.6% ขณะที่สหราชอาณาจักร คาดขยายตัว 7% เพิ่มขึ้น 1.7% จากการคาดการณ์เมื่อเดือนเม.ย.64 เพราะมีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก
สำหรับเอเชีย ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดการเติบโตเหลือ 7.5% จากคาดการณ์เมื่อเดือนเม.ย.64 ที่คาดโต 8.6% เพราะประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียยังคงประสบปัญหาในการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดหนักในหลายประเทศ โดยจีนและอินเดีย คาดขยายตัวที่ 8.1% และ 9.5% ตามลำดับ ส่วนญี่ปุ่น คาดเพิ่มขึ้น 2.8% ลดลง0.5% จากการคาดการณ์เดือนเม.ย.64 เพราะผลกระทบจากโควิด-19
ขณะที่อาเซียน 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และไทย คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของภูมิภาคขายตัวเพียง 4.3% ลดลง 0.6% จากการคาดการณ์เมื่อเดือนเม.ย.64
นอกจากนี้ ในรายงานดังกล่าว ยังระบุว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่สม่ำเสมอกันในแต่ละประเทศทั่วโลก เป็นเพราะความแตกต่างในการเข้าถึงวัคซีน และนโยบายสนับสนุนต่างๆ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งยังระบุว่า ความสามารถในการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ไม่เท่าเทียมกัน แบ่งประเทศในโลกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกเป็นประเทศที่คาดว่าจะดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นประเทศที่ร่ำรวยเกือบทั้งหมด และอีกกลุ่มเป็นประเทศที่ยังต้องต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อไป
ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟ ยังยกย่องสหราชอาณาจักร และแคนาดาในการวางแผนควบคุมการระบาด และสนับสนุนทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ในระยะกลาง โดยสหราชอาณาจักร มีกำหนดจะยุติโครงการมอบเงินอุดหนุนค่าแรงในช่วงที่ประชาชนพักงานในปลายเดือน ก.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัด แม้ในประเทศที่มีการติดเชื้อในระดับต่ำ ตราบใดที่ไวรัสยังแพร่กระจายอยู่
