- รุกขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น
- ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ใช้นวัตกรรม
- ยอมรับไตรมาส4ปี62ขาดทุน
นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือไออาร์พีซี เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับแผนกลยุทธ์การดำเนินงานปี นี้ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพการทำกำไร โดยการขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของตลาดโลก เพิ่มการเจาะตลาดสินค้ามูลค่าเพิ่มร่วมกับพันธมิตร ปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงงานของบริษัท เพื่อ ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน (Hedging Management) รวมทั้งลดการพึ่งพาการใช้น้ำมันดิบจากตะวันออกกลาง เพื่อบริหารความเสี่ยงแหล่งวัตถุดิบให้เหมาะสม
นายนพดล กล่าวว่า บริษัทได้คาดการณ์ว่าความต้องการใช้น้ำมันของตลาดโลกในปีนี้จะอยู่ที่ 102.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีที่ผ่านมา เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันหลายๆแห่งทั่วโลกเริ่ม กลับมาเดินกำลังการผลิตอย่างเต็มที่ เพื่อผลิตน้ำมันตามมาตรฐานน้ำมันเดินเรือใหม่ (IMO 2020) รวมทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนเริ่มผ่อนคลาย โดยคาดการณ์ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบปี นี้จะ อยู่ในช่วง 55 – 65 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ขณะเดียวกัน จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการลดการบริโภคพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว ตลอดจนการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่มีมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาการผลิตผลิตภัณฑ์ ที่มีมูลค่าสูง ด้วยการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการผลิตร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมถึงการหาพันธมิตรทางการผลิต และการตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ทุ่นลอยน้ำสำหรับโซลาร์เซลล์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อพัฒนาแบตเตอรี่
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2562 เริ่มดีขึ้น โดยขาดทุน 513 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2562 ขาดทุน 1,321 ล้านบาท เป็นผลมาจากการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านราคา แม้จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่ยืดเยื้อเรื่อยมาตั้งแต่กลางปี 2561 และความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและอิหร่าน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งสูงขึ้น ทำให้ส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์ลดลง เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว บริษัท ได้มองหาตลาดใหม่ในกลุ่มอาเซียน ที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองให้ตรงต่อความต้องการของลูกค้าและสิ่งแวดล้อม ( Human Centric) ทำให้ลูกค้ามีความพึงพอใจสูงสุด รวมถึงรุกธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลซึ่งมีความต้องการสูงมากในสหภาพยุโรป