ไม่รอช้า!…รฟท.เดินหน้าแก้ปัญหาจุดตัดทางลักผ่านทางรถไฟทั่วประเทศ



นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้การรถไฟฯ ได้ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟ-รถยนต์ และบริเวณจุดตัดทางรถไฟที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือทางลักผ่านอย่างเข้มข้น โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาไปแล้วในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในส่วนอุบัติเหตุรถไฟชนกับรถบัสโดยสาร บริเวณป้ายหยุดรถคลองแขวงกลั่น-สถานีคลองบางพระ จังหวัดฉะเชิงเทราซึ่งหลังเกิดอุบัติเหตุ การรถไฟฯ ได้ดำเนินการในส่วนที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่โดยได้อนุมัติให้เป็นจุดตัดเสมอระดับทางฯ ที่ถูกต้องตามระเบียบของการรถไฟฯ จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบระบบอาณัติสัญญาณ ป้ายเตือน ไฟกระพริบ และดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์กำจัดวัชพืช ต้นไม้ริมทางเพื่อไม่ให้บดบังทัศนวิสัยของผู้สัญจรผ่านบริเวณจุดตัดเสมอระดับทางฯ ดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ได้ให้ฝ่ายการอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม การรถไฟฯ เข้าไปดำเนินงานจ้างเหมา ปรับปรุงระบบสัญญาณจราจรไฟกระพริบสีแดง และอุปกรณ์เสียงสัญญาณเตือนด้วยระบบเซ็นเซอร์ (Sensor) ตรวจสอบขบวนรถไฟและป้ายเตือนกะพริบแสงในเส้นทางสายตะวันออกตลอดเส้นทาง เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินรถ

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ยังได้บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยหารือกับทางจังหวัดฉะเชิงเทราหน่วยงานท้องถิ่น กรมการขนส่งทางบก  กรมทางหลวง  กรมทางหลวงชนบท สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเร่งรัดให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดำเนินการติดตั้งเครื่องกั้นถนนในบริเวณจุดตัดเสมอระดับทางฯ ดังกล่าว โดยได้ขอรับงบประมาณจากกรมการขนส่งทางบก ภายใต้กองทุนเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน (กปถ.) และขออนุญาตให้เป็นทางผ่านที่ถูกต้อง 

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากกระทรวงมหาดไทยอยู่ ในด้านของการดูแลจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟ-รถยนต์ จำนวน 2,633 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งในจำนวนนี้มีจุดตัดเสมอระดับทางฯ ที่เป็นทางลักผ่าน 620 แห่ง และเป็นทางลักผ่านที่ใช้งานอยู่ 541 แห่ง โดยการรถไฟฯมีนโยบายปิดจุดตัดเสมอระดับทางฯ ทั้งหมด โดยได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นสะพานหรือทางลอดทดแทน ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการแล้วในโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ จำนวน 3 เส้นทางได้แก่ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ และช่วงมาบกะเบา- ชุมทางถนนจิระ ซึ่งคาดว่าเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถปิดจุดตัดเสมอระดับทางฯ ลงได้อีก 332 แห่ง และแก้ปัญหาทางลักผ่านให้ลดลงได้ 60 แห่ง นอกจากนี้ยังมีการขยายเพิ่มเติมไปในส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 อีก 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,488 กิโลเมตร

นายนิรุฒ กล่าวว่า ขณะเดียวกัน การรถไฟฯ ได้รณรงค์ส่งเสริมให้ความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบจราจรแก่พี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมาผ่านจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟ-รถยนต์ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุอีกทางหนึ่ง โดยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522  มาตรา 62 ระบุว่า ในทางเดินรถตอนใดที่มีทางรถไฟผ่าน ถ้าปรากฏว่ามีเครื่องหมายหรือสัญญาณระวังรถไฟแสดงว่ารถไฟกำลังจะผ่านหรือมีสิ่งปิดกั้นหรือมีเจ้าหน้าที่ให้สัญญาณแสดงว่ารถไฟกำลังจะผ่านหรือมีเสียงสัญญาณของรถไฟหรือรถไฟกำลังแล่นผ่านเข้ามาใกล้อาจเกิดอันตราย ขอให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วของรถและหยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟไม่น้อยกว่า 5 เมตร เมื่อเห็นว่ารถไฟผ่านไปแล้วและมีเครื่องหมายหรือสัญญาณให้รถผ่านได้ ผู้ขับขี่จึงจะขับรถผ่านไปได้

นอกจากนี้ ตามมาตรา 63 ในทางเดินรถตอนใดที่มีทางรถไฟผ่าน ไม่ว่าจะมีเครื่องหมายระวังรถไฟหรือไม่ ถ้าทางรถไฟนั้นไม่มีสัญญาณระวังรถไฟหรือสิ่งปิดกั้น ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วและหยุดรถห่างจากทางรถไฟในระยะไม่น้อยกว่าห้าเมตร เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงให้ขับรถผ่านไปได้ ดังนั้นจึงขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนใช้ความระมัดระวังขณะขับขี่ยานพาหนะผ่านจุดตัดเสมอระดับทางฯ และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด รวมถึงไม่ลักลอบเปิดจุดตัดรถไฟเป็นทางลักผ่านเพิ่มขึ้นมาเอง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุอย่างยั่งยืนต่อไป