ไทย ยืมวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า “ภูฏาน” 1.5 แสนโดส เร่งฉีดภายใน ส.ค. นี้



เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 12/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference)

ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการการรับความช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขจากต่างประเทศ จาก 2 ประเทศ ดังนี้

1.การแลกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ที่ผลิตโดย Statens Serum Institute ประเทศสวีเดน ระหว่างรัฐบาลภูฏานกับรัฐบาลไทย จำนวน 130,000 – 150,000 โดส ที่จะหมดอายุเดือนตุลาคม 2564 โดยจำนวนทั้งหมดมี 19,070 โดส จะหมดอายุในเดือนสิงหาคม 2564

ทั้งนี้ รัฐบาลไทยเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการขนส่งวัคซีนมายังประเทศไทย และการส่งกลับคืน โดยขอสนับสนุนการ ขนส่งจากกองทัพอากาศ ขณะที่ภาษีนำเข้าและส่งออก ตลอดจนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

2.การรับบริจาค Monoclonal Antibody (Casirivimab/Imdevimab) จากกระทรวงสาธารณสุข ประเทศ เยอรมนี ซึ่งยาดังกล่าวได้รับ Emergency Use Authorization (EUA) จากคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริกา และขึ้นทะเบียน อย. ในประเทศไทยแล้ว โดยเป็นการมอบแบบรัฐบาลต่อรัฐบาลเท่านั้น ดังนั้นจะสามารถนำไปใช้ได้เฉพาะในโรงพยาบาล ที่ได้การจัดสรรยาเท่านั้น ไม่สามารถส่งต่อโรงพยาบาลอื่นได้

ทั้งนี้รัฐบาลไทยเป็นผู้รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งกระบวนการขนส่งวัคซีนมายังประเทศไทย และภาษีนำเข้าและส่งออก ตลอดจนค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว ต้องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ เพื่อให้กองทัพอากาศสนับสนุนการขนส่งวัคซีนทั้งรับ และส่งคืนประเทศภูฏาน รวมถึงอนุมัติการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าทั้งวัคซีนและยาฯ