โฆษก กมธ.แก้ปัญหาข่มขืน เผยโมเดลฉีดให้ฝ่อ เดินหน้าเร่งศึกษากำหนดบทลงโทษผู้กระทำผิด



  • ลั่นขณะนี้ยังไม่ชัดว่า ลงโทษผู้กระทำที่เป็นผู้หญิงหรือไม่
  • รวมถึงผู้กระทำผิดในการข่มขืนศพ
  • เผย กมธ.ฯ ก็ยังไม่ได้มีการพูดถึงในประเด็นนี้

..พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ..กทมพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงรายงานของกมธ.ฯที่รายงานต่อสภาฯไปเมื่อวานนี้ ( 2 ..) ว่า จากข้อเสนอให้มีการฉีดอวัยยะเพศ ผู้ที่กระทำความผิดคดีข่มขืนด้วยการฉีดให้ฝ่อ ลดความต้องการทางเพศลง ไม่ได้เป็นการฉีดถาวร แต่มีระยะเวลาที่ต้องฉีดทุก 3 เดือน ซึ่งในส่วนนี้จะต้องพิจารณาอีกครั้งว่า จะเป็นโทษ หรือบำบัด และหาวิธีการรักษาว่าจะทำอย่างไรให้เป็นการรักษาระยะยาว ซึ่งจะเป็นการฉีดหลังพ้นโทษออกมา เช่น กรณีผู้กระทำผิดพ้นโทษออกมาแล้ว กลับมาทำผิดซ้ำอีก

ทั้งนี้ทาง กมธ.ไม่ได้เสนอให้ฉีดเพื่อลดฮอร์โมนอย่างเดียว แต่มีการลงทะเบียนติดตามความผิด เพื่อติดตามดูคนที่มีความเสี่ยงที่จะทำผิดซ้ำอีก แต่ต้องดูในเรื่องของสิทธิมนุษยชนควบคู่ไปด้วย ส่วนการนำไปสู่การลงโทษด้วยวิธีดังกล่าวนั้น ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด แต่มีข้อสังเกต 3 ประเด็นคือ 1.การเก็บดีเอ็นเอของผู้กระทำความผิด 2. การลงทะเบียนผู้กระทำความผิด 3.การใช้ฮอร์โมน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทยที่ต้องศึกษามากกว่านี้ และแต่ละกระทรวงควรนำข้อสังเกตเหล่านี้ไปเป็นจุดเริ่มต้นในการศึกษาต่อไป

ตอนนี้จึงยังไม่มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนในการลงโทษ ซึ่งกมธ.มองว่าควรเป็นส่วนของผู้กระทำความผิดที่ดูแล้วไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้ และกระทำการข่มขืนซ้ำซาก กฎหมายนี้จึงครอบคลุมทุกเพศ ทุกกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะเพศหญิงที่ถูกกระทำ แต่รวมไปถึงเพศอื่นที่ถูกล่อลวงด้วย” ..พัชรนทร์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ส่วนผู้หญิงที่กระทำความผิดจะต้องถูกฉีดเพื่อลดฮอร์โมนด้วยหรือไม่นั้น ทาง กมธ. ยังไม่ได้ศึกษาว่าเพศไหน อย่างไร แต่ที่ผ่านมาในต่างประเทศจะเป็นเฉพาะเพศชาย นอกจากนี้กรณีที่มีการข่มขืนศพ จะต้องมีการฉีดด้วยหรือไม่ ในชั้นกมธ. ก็ยังไม่ได้มีการพูดถึงในประเด็นนี้ ซึ่งขณะนี้ศึกษาในส่วนของบุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องของศพ ซึ่งสิ่งที่เน้นคือจะทำอย่างไรให้สังคมปลอดภัย เกิดการป้องกัน และแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด