- ธุรกิจขนาดกลาง-เล็กเผชิญปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน
- แนวโน้มเกิดการว่างงานเพิ่มขึ้น
ขณะที่การระบาดของไวรัสโควิค-19 รุกลามจากจีนไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลกในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ถึงแม้ธนาคารกลางของจีนจะให้สัญญาว่าจะให้การสนับสนุนทางการเงินกับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิค-19 ก็ตาม
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ธนาคารกลางของจีน ยอมรับว่า การแพร่ระบาดของโรค “มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนบ้าง แต่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบในระยะสั้น เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศยังมีความแข็งแกร่ง”
ในขณะที่ผลการสำรวจภาคธุรกิจขนาดกลางและเล็ก 1,000 แห่งในประเทศจีน ของมหาวิทยาลัยซิงหัวและมหาวิทยาลัยปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พบกว่า 1 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า พวกเขามีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการทำธุรกิจได้เพียง 1 เดือน ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากภาครัฐ
จากผลการวิจัยระบุว่า บริษัทขนาดกลางและเล็กมีสัดส่วนประมาณ 60% ของจีดีพีของจีนและจ้างแรงงานจำนวนมากถึง 80% ตามสถิติของรัฐบาลที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา จอน เจียน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแอตแลนติสซึ่งตั้งอยู่ที่มณฑลซานตงกล่าวในรายงานการวิจัยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมว่า หากการระบาดไม่สิ้นสุดในไม่ช้าการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากธุรกิจหยุดชะงัก – ปัญหาที่ปักกิ่งต่อสู้อย่างหนักในปีนี้เพื่อป้องกัน การสูญเสียงานอาจกระตุ้นให้เกิดการยึดอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย
จากรายงานล่าสุดของโกลเบ็ล ไทม์ (Global Times) ระบุว่า บริษัทหลายแห่งพยายามที่จะกลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้ง แต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของความขาดแคลนวัตถุดิบ แรงงาน และเงินสด ในการดำเนินธุรกิจ ในขณะเดียวกันบริษัทที่จะเริ่มเปิดดำเนินการต้องมีการจัดทำรายงานเพื่อขออนุญาติดำเนินงานโดยประมาณว่าต้องส่งเอกสารแยกต่างหากสูงสุด 21 ฉบับรวมถึงแบบฟอร์ม 15 หน้า, แผนฉุกเฉินที่จะรองรับกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากไวรัสโควิค-19และจดหมายรับรองอื่น ๆ อีกมากมายให้แก่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
“ สิ่งเหล่านี้เป็นผลสืบเนื่องที่ไม่ได้ตั้งใจจากการต่อสู้กับโรคระบาด: มาตรการที่เข้มงวดเพื่อหยุดยั้งไวรัส ทำให้การกลับมาผลิตอีกครั้งของภาคธุรกิจต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย” เทียน หยุน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจมหภาคแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนกล่าวกับ Global Times
การระบาดเริ่มทรงตัว
ขณะที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19 ในประเทศจีนเริ่มทรงตัว โดยมียอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกในขณะนี้อยู่ที่ 2,128 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตในมณฑลหูเป่ยเพิ่มขึ้น 108 คน เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ในขณะที่มีผู้ป่วยที่รักษาหายและกลับบ้านในมณฑลหู่เป่ยแล้วจำนวน 10,330 คน โดยมีผู้ป่วยพักอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 43,000 คน ในจำนวนนี้ 2,050 คนเป็นผู้ป่วยในภาวะวิกฤติที่เจ้าหน้าที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
ก่อนหน้านี้ศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติของจีน (CCDC) ระบุว่า ถึงแม้การระบาดจะยังไม่หยุด แต่ก็มีสัญญาณเป็นบวกว่าการระบาดเริ่มมีจำนวนผู้ป่วยต่อวันเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า จำนวนผู้ป่วยอาจเพิ่มขึ้นในอัตราสูงได้อีกครั้งเมื่อธุรกิจต่างๆ เริ่มเปิดดำเนินการ หลังจากทที่ก่อนหน้านี้มีการปิดบริษัท ตามมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัส
ระบาดหนักนอกประเทศจีน
ขณะที่จำนวนผู้ป่วยในจีนเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง แต่กลับพบว่ามีผู้ป่วยนอกประเทศจีนเพิ่มขึ้น โดยรายงานล่าสุดในวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พบว่า เกาหลีใต้ ได้มีการยืนยันพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 31 คน ส่งผลให้มีจำนวนผู้ป่วยในประเทศเกาหลีใต้ 82 คน ถือเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในประเทศเกาหลีใต้
ในสิงคโปร์อัตราการติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีผู้ได้รับการยืนยันถึง 84 ราย ในทำนองเดียวกันในฮ่องกงมีผู้ป่วยติดเชื้อและได้รับการยืนยันแล้ว 63 คนและผู้เสียชีวิต 2 ราย
ส่วนประเทศญี่ปุ่น ได้รับความสนใจจากทั่วโลกในขณะนี้เมื่อตรวจพบผู้ป่วยจากเรือสำราญ Diamond Princess และพบผู้ป่วยอีก 68 รายที่ยืนยันแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเรือสำราญดังกล่าว การกักกันผู้โดยสารบนเรือสำราญ Diamond Princess ของญี่ปุ่น สิ้นสุดเมื่อวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และได้รับการยืนยันเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิค-19 จากเรือสำราญที่มีอยู่มากกว่าร้อยคนได้เสียชีวิตแล้ว 2 คน
เคน ทาโรอิวาตะ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อที่มหาวิทยาลัยโกเบ ได้ขึ้นมาตรวจสอบบนเรือ Diamond Princess กล่าวกับผู้สื่อข่าว ซีเอ็นเอ็น ว่า เขากังวลอย่างมากเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการกักกันและข้อควรระวังที่เกิดขึ้นบนเรือ
” ฉันกลัวมากเพราะไม่มีวิธีบอกได้ว่าไวรัสอยู่ที่ไหนและทุกคนก็ไม่ระวัง” อิวาตะ กล่าว “และไม่มีคนควบคุมการติดเชื้อในเรือ”