เอ็กซิม แบงก์ โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 63 ปล่อยสินเชื่อดอกต่ำ-ลดเบี้ยเอสเอ็มอีในช่วงโควิด-19



  • รักษาการจ้างงานธุรกิจส่งออก 3,600 คน
  • แม้กำไรไตรมาส 1 ลดลง 67.98%

นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ เอ็กซิม แบงก์ (EXIM BANK) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 (ม.ค.-มี.ค.) ของปี 2563 ว่า ในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา เอ็กซิม แบงก์ เน้นให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยมาตรการต่าง ๆ อาทิ ติดต่อไปยังลูกค้าทุกรายเพื่อสอบถามความต้องการความช่วยเหลือ พักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือนให้แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม อนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจ วงเงินรวม 30,000 ล้านบาท เป็นต้น

นอกจากนี้ยังรักษาการจ้างงานของกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและลงทุนระหว่างประเทศ จำนวนกว่า 3,600 ราย หรือประมาณ 10% ของผู้ส่งออกที่เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี(SMEs) ทั้งประเทศ วงเงินรวม 48,300 ล้านบาท รวมทั้งเปิดคลินิกให้คำปรึกษาและจัดโครงการอบรมออนไลน์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยให้ทุกภาคส่วนสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้

“ทั้งนี้แม้ ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2563 เอ็กซิม แบงก์ จะมีกำไรสุทธิ 107 ล้านบาท ลดลง 67.98% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 334 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 เนื่องจากปรับลดดอกเบี้ยขั้นต่ำสำหรับเงินกู้สกุลบาทเพื่อช่วยผู้ประกอบการ แต่เอ็กซิม แบงก์ ก็มีส่วนสำคัญในการประคับประคองเศรษฐกิจไทย และช่วยสนับสนุนการจ้างงานของสถานประกอบการทุกขนาดรวมกว่า 340,000 คน”

สำหรับไตรมาส 1 เอ็กซิม แบงก์ มีสินเชื่อคงค้าง 126,137 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19,794 ล้านบาท หรือ 18.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น สินเชื่อเพื่อการค้า 37,028 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 89,109 ล้านบาท ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ 46,759 ล้านบาท ซึ่งจากจำนวน 126,137 ล้านบาท เป็นเงินสินเชื่อคงค้างแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เท่ากับ 28,567 ล้านบาท เป็นปริมาณธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเท่ากับ 26,669 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 57.04%

ส่วนการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยขยายการค้าและการลงทุนไปต่างประเทศ ในปี 2563 เอ็กซิม แบงก์ มีวงเงินที่ให้การสนับสนุนแก่สินเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวมทั้งสิ้น 83,880 ล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อคงค้างจำนวน 51,541 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อคงค้างให้แก่โครงการขยายฐานการค้าและการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวแต่ยังคงเป็นประเทศเป้าหมายหลักของการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการไทย จำนวน 34,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,870 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้เอ็กซิม แบงก์ ยังเป็นสถาบันการเงินไทยรายเดียวในประเทศที่มีบริการประกันการส่งออกและประกันความเสี่ยงการลงทุน ผู้ส่งออกในตลาดการค้าเดิมและตลาดใหม่ รวมทั้งนักลงทุนไทย โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2563 มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 36,690 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,965 ล้านบาท หรือ 42.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นปริมาณธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี  จำนวน 1,356 ล้านบาท หรือ 3.70% ของปริมาณธุรกิจสะสมรวม

“เอ็กซิม แบงก์ มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs Ratio) ณ สิ้นเดือนมี.ค.2563 อยู่ที่ 4.86% โดยมีสินเชื่อด้อยคุณภาพจำนวน 6,132 ล้านบาท และมีเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 11,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,881 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นสำรองหนี้พึงกันตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) จำนวน 8,103 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินสำรองที่กันไว้แล้วต่อสำรองพึงกัน142.06% ทำให้ยังมีฐานะการเงินที่มั่นคง”