

ในนโยบายของพรรคที่เผยแพร่ออกมาในเว็บไซต์พรรคก้าวไกลใช้คำว่า “แก้ไขมาตรา112” ไม่ใช่ “ยกเลิกมาตรา112”
โดยระบุปัญหาที่เกิดขึ้นว่า
ศาลหรือฝ่ายตุลาการ เป็นส่วนสำคัญของกลไกรัฐที่ประชาชนคาดหวังให้ทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง เป็นอิสระจากการถูกแทรกแซง และด้วยมาตรฐานที่คงเส้นคงวา เพื่อความยุติธรรมของประชาชนทุกคน แต่ที่ผ่านมา คำพิพากษาและคำวินิจฉัยของศาลในหลายกรณีทางการเมือง ทำให้สังคมเริ่มตั้งคำถามมากขึ้นถึงความเป็นอิสระในการทำหน้าที่ดังกล่าว และการขาดกลไกตรวจสอบถ่วงดุลศาลที่ประชาชนมีส่วนร่วม
ยิ่งไปกว่านั้น เสรีภาพขั้นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย แต่ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้มีการออกและบังคับใช้กฎหมายหลายฉบับเพื่อพยายามปิดกั้นการแสดงออกของประชาชนที่เห็นต่างหรือวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ดังนั้น ปัญหาในเชิงหลักนิติธรรมทางกฎหมายจึงมีความสำคัญและจำเป็นต้องทบทวนเพื่อให้เกิดเสรีภาพและความเท่าเทียมตามมาตรฐานประชาธิปไตยสากล
ข้อเสนอ
ลดโทษของกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์มีความสอดคล้องกับหลักสากล โดยให้เหลือเพียง
จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระมหากษัตริย์)
จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์)
(โทษหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาจะถูกลดลงจากโทษจำคุก 0-2 ปี เหลือแค่โทษปรับ)
ย้ายกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ออกจากหมวดความมั่นคงให้เป็นความผิดที่ยอมความได้ โดยกำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้มีสิทธิแจ้งความหรือร้องทุกข์กล่าวโทษเพียงผู้เดียว
บัญญัติให้ชัดเจนในกฎหมาย เพื่อคุ้มครองกรณีการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตหรือการพูดความจริงที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับเหตุยกเว้นความผิดและเหตุยกเว้นโทษสำหรับการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา
ที่มา : https://election66.moveforwardparty.org/policy/detail/policy_21