เอกชนชี้คนไทย “เที่ยวไทย-เที่ยวนอก” พุ่ง Q4 ปี 65-Q1 ปี 66 “ภาคเหนือ/เมืองกาญจน์” ล้นทะลัก-ทัวร์ญี่ปุ่นโกยแชมป์



  • เอกชนชี้คนไทยแห่ “เที่ยวไทย-เที่ยวนอก” ไตรมาส 4 ปี’65 ถึงไตรมาส 1 ปี’66 คึกคัก
  • ยอดขาย “เที่ยวเหนือหน้าหนาว” นำโด่ง “เมืองกาญจน์” โรงแรมรีสอร์ตติดท็อปจองพักเต็ม กลุ่มครอบครัว/เพื่อนฝูงขับรถเที่ยวพุ่งแรง
  • ส่วนต่างประเทศ “ญี่ปุ่น” ครองแชมป์ ตั๋วบินราคาพุ่งเกิน 3 หมื่นบาท/ที่นั่ง เศรษฐีไทยเปย์ไม่อั้นราคาเท่าไรก็ซื้อ

นายโชติช่วง ศูรางกูร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท หนุ่มสาว ทัวร์ จำกัด เปิดเผยว่า ในฐานะบริษัทที่บุกเบิก “ตลาดคนไทย” ประเมินสถานการณ์เที่ยวในประเทศและต่างประเทศตอนนี้กำลังซื้อล้นทะลักไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 1 มกราคม 2566 ท่องเที่ยวส่งสัญญาณดีมากขึ้น ส่วนตลาดขนาดใหญ่กลุ่มบริษัท ห้างร้าน องค์กร หรือคอปอเรต ซึ่งเคยเดินทางพร้อมกันเป็นกลุ่มครั้งละจำนวนมาก ยังทำได้ไม่เต็มที่ ต้องใช้วิธีแยกเป็นกลุ่มขนาดเล็กลงเพราะยังแนวโน้มปี 2566 น่าจะดีกว่าปี 2565

ผลจากการวิเคราะห์ยอดจองล่วงหน้า (forward booking) ช่วงพฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป คนไทยเที่ยวไทยดีขึ้นจริง แต่ก็กลุ่มคนมีเงินอยู่ระหว่างเลือกเที่ยวไทยซึ่งไม่มีตัวแปรที่นั่งเที่ยวบิน หรือจะไปต่างประเทศต้องรอจังหวะเนื่องจากราคาตั๋วเครื่องบินขยับสูงขึ้นอยู่ตลอดฤดูท่องเที่ยว

สำหรับตัวแปรหลักเรื่อง “ตั๋วโดยสารเครื่องบินราคาแพง”ยังเป็นโจทย์ใหญ่ของตลาดคนไทย เที่ยวในประเทศและต่างประเทศ เกิดจากดีมานต์กับซัพพลาย เมื่อความต้องการเดินทางเที่ยวมีจำนวนมากจนล้น แต่จำนวนสายการบินเที่ยวบิน และที่นั่งเที่ยวบินยังมีจำนวนน้อยไม่เพียงพอ  บวกกับ“คนไทยเหลือเพียงกลุ่มเดียวที่ยังมีเงินเที่ยวได้” เพราะคนส่วนใหญ่เจอกับดักค่าครองชีพ น้ำท่วม  การจ้างงานหดตัว จึงชะลอเดินทางลงบ้าง

นายโชติช่วงกล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจห้องพักโรงแรมรีสอร์ตในเครือหนุ่มสาวทัวร์ กระจายอยู่ท้กภาคของประเทศสถานการณ์ปลายปีนี้ “ภาคเหนือ” ได้รับความนิยมสูงสุด มียอดจองห้องพักล่วงหน้าทั้งที่ อำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอนจ.ลำปาง จ.สุโขทัย ขายดีจากสภาพอากาศปีนี้จะหนาวเย็นนานกว่าทุกปี

ส่วน “ที่พักในจังหวัดกาญจนบุรี” หนุ่มสาวทัวร์ลงทุนไว้ทั้งหมด 5 แห่ง ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าก็ติดท็อปฮิตสูงสุดเช่นกันมีอัตราเข้าพักสูงทุกวัน 70-80 % ตั้งแต่ไตรมาส 3 ไปจนถึงไตรมาส 4 ปีหน้าต้นมกราคม 2566 ก็ยังเที่ยวต่อเนื่องไปได้เรื่อย ๆ ด้วยแรงดึงดูดหลักจาก 3 ปัจจัย คือ ปัจจัยที่ 1 ทำเลขับรถจากกรุงเทพฯ ไปได้สะดวก ปัจจัยที่ 2 ต้นทุนการเดินทางขับรถเที่ยวราคาไม่แพงต่างจากภาคอื่นต้องบินไปเที่ยวต้องจ่ายค่าตั๋วโดยสารราคาแพง ปัจจัยที่ 3 เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวธรรมชาติสวยงามเดินทางได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะปลายฝนต้นหนาวบรรยากาศน่าหลงใหล

สำหรับไทยเที่ยวไทยที่จองพักรีสอร์ตเครือหนุ่มสาวทัวร์ตอนนี้มี 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ “กลุ่มครอบครัว” เดือนตุลาคมช่วงปิดเทอมมีจำนวนสูงมาก ช่วง พฤศจิกายน-ธันวาคม เปิดเทอมแล้วกลุ่มนี้ลดลง กลับมาเพิ่ม “กลุ่มเพื่อนฝูง” ชวนกันขับรถท่องเที่ยว และ“กลุ่มต่างชาติ” ทยอยกลับมาแล้วยอดพักดีขึ้นตามลำดับ

นายโชติช่วงกล่าวว่า หากจะเพิ่มยอดคนไทยเที่ยวในประเทศช่วงไฮซีซันปลายปี 2565 ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือปลดล็อก 2 ตัวแปร ได้แก่ ตัวแปรที่ 1 การจัดการโลจิสติกส์ ระบบคมนาคมขนส่งทุกช่องทาง โดยเฉพาะทางรถยนต์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรหาวิธีลดความแออัดปริมาณรถบนถนนสายหลัก เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนออกเดินทางเพิ่ม เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาเมื่อถึงเทศกาลใหญ่รถจะติดมากเป็นพิเศษทำให้คนเกิดความเบื่อหน่าย

ตัวแปรที่ 2 วางแผนขยายเวลาการขายงานท่องเที่ยวช่วงเทศกาล ทำกิจกรรมต่อเนื่องหลายวันโดยจัด Pre Festival ช่วยธุรกิจและผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ค้าขายได้นานวันขึ้น พร้อมกับชูสินค้าใหม่ ๆ ตามคอนเซ็ปต์ ททท.เรื่องNew Chapters หากจะรอคนท่องเที่ยวเฉพาะวันเทศกาลจะไม่สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากนัก

ทางด้านหนุ่มสาวทัวร์ปรับกลยุทธ์ช่องทางการขายด้วยการจับมือกับ “อี-คอมเมิร์ซ” ผลิตแพกเกจเสนอขายผ่านทางออนไลน์ท่องเที่ยวดัง ๆ อย่าง Lazada เพื่อต้องการทดลองตลาด ทำได้ประมาณ 2 เดือนเศษ คาดการณ์เดือนพฤศจิกายนนี้โปรโมชั่น 11 เดือน 11 คาดการณ์ยอดจองจะเข้าเป้าหมายอย่างแน่นอน และเดือนธันวาคมนี้จะกระตุ้นคนหันมาเลือกซื้อท่องเที่ยวโดยจุดแข็งของหนุ่มสาวทัวร์ ให้บริการนักท่องเที่ยวแบบตรงไปตรงมา โปร่งใส ไม่เอาเปรียบหรือกอบโกยในช่วงเทศกาลทำเงิน เป็นแรงจูงใจให้ “ฐานลูกค้าเก่าและใหม่” เข้ามาใช้บริการสูงทุกไฮซีซัน

นายโชติช่วงกล่าวถึง “ตลาดคนไทยเที่ยวนอก” ว่า ทันทีที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศคนไทยแห่เดินทางกันล้นหลาม แต่มีอุปสรรคเรื่อง “ตั๋วเครื่องบิน” กับ “จำนวนที่นั่งเที่ยวบิน” มีไม่เพียงพอจึงทำให้ “ราคา” ขยับขึ้นไปสูงมาก ปลายปีนี้การบินไทยประกาศเปิดเส้นทางเพิ่ม กรุงเทพฯ-โอซาก้า ช่วงพฤศจิกายน-ธันวาคม 2565 แพกเกจเที่ยวญี่ปุ่น เฉพาะราคาตั๋วอย่างเดียวพุ่งสูงเกินกว่า 30,000 บาท/ที่นั่ง แต่ก็มีคนไทยบางกลุ่มพร้อมจ่ายโดยไม่จำกัดเพดานราคาตั๋ว

ปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากอั้นเดินทางมานาน พอเปิดท่องเที่ยวตลาดจะพุ่งขึ้นอย่างแรง คนไทยจึงแห่กันออกไปต่างประเทศ จากนั้นต้องจับตาการเดินทางจะค่อย ๆ ลดลง เช่นเดียวกับ “ไทยเที่ยวไทย”

สำหรับ บริษัท หนุ่มสาว ทัวร์ จำกัด ยังคงมุ่งมั่นเป็นหนึ่งในธุรกิจที่จะร่วมฟื้นฟูและสร้างการท่องเที่ยวเติบโตอย่างยั่งยืนเดินหน้าบริการเชิงรุกอย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย 2 กลยุทธ์ ประกอบด้วย

กลยุทธ์ที่ 1 เน้นมาตรฐานการเดินทางอย่างปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดยได้ลงทุนจัดซื้อผลิตภัณฑ์เจล หน้ากากอนามัย เข้มงวดกับเรื่องมาตรฐานบริการ รถขนส่ง ที่พัก และอื่น ๆ ให้ทุกคนท่องเที่ยวอย่างมีความสุข

กลยุทธ์ที่ 2 รณรงค์ให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมโดยเลือกใช้พันธมิตรซึ่งตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่โลกอย่างสมดุล ถึงแม้บริษัทนำเที่ยวเป็นเพียงตัวกลางไม่ใช่ซัพพลายเออร์โดยตรง แต่ก็ต้องพยายามรณรงค์นักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของหนุ่ม สาว ทัวร์ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มไมซ์ คอร์ปอเรต

จึงแนะนำให้ใช้วิธีเลือกซื้ออย่างรู้คุณค่าคัดเลือกธุรกิจที่มีส่วนร่วมลดการปล่อยคาร์บอนออกไซต์อย่างสมดุลกับโลกเช่น เลือกสายการบิน เลือกโปรแกรมท่องเที่ยว เลือกโรงแรม/ที่พักสไตล์กรีนโฮเต็ล เพื่อสร้างประสบการณ์ความประทับใจทุกครั้งที่ออกเดินทางเที่ยวเมืองไทย ร่วมปกป้องดูแลธรรมชาติสิ่งแวดล้อม คืนประโยชน์สู่สังคม สร้างเศรษฐกิจกระจายเม็ดเงินถึงมือชุมชนได้อย่างแท้จริง

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen