

นายเสถียร เสถียรธรรมะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “กลุ่มคาราบาว” ประกาศรุกสมรภูมิเบียร์ 2.6 แสนล้านบาท เปิดตัว 2 แบรนด์ “คาราบาว” และ “ตะวันแดง” ตั้งเป้าเป็นยักษ์ใหญ่ขั้วที่ 3 ในตลาด มั่นใจกับหลังสั่งสมความรู้ ความเข้าใจตลาด ซึ่งพร้อมแล้วจะสร้างมาตรฐานเบียร์ใหม่ระดับโลกกับราคาที่เอื้อมถึง
โดยลงทุน 4,000 ล้านบาท สร้างโรงงานผลิตเบียร์ที่จังหวัดชัยนาท กำลังการผลิตเบียร์ 400 ล้านลิตร ปีแรกตั้งเป้าทำส่วนแบ่งตลาดให้ได้ก่อน 10% กับกำลังการผลิต 200 ล้านลิตร และจะเพิ่มในปีต่อไปอีก 200 ล้านลิตรเต็มกำลังการผลิต และจะต้องลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1,000 ล้านบาทต่อไป

นายเสถียร กล่าวว่าก้าวแรกในตลาดเบียร์จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งถ้าก้าวพลาดหมายถึงหายนะจะมาเยือนต้องค่อยๆ ทำตอนนี้พร้อมแล้วภายใต้การจับเคลื่อน 4 ยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือ
1.มาตรฐานรสชาติเหมือนโรงเบียร์เยอรมันที่ลูกค้าเคยชิมมาแล้วกว่า 10 ล้านคน
2. ทำ 2 แบรนด์ เจาะตลาดแมสหรืออีโคโนมี่ซึ่เงป็นตลาดใหญ่สัดส่วนถึง 75% โดยส่งคาราบาวเบียร์เป็นหัวหอก สำหรับตลาดสแตนดาร์ดสัดส่วน 20% และตลาดพรีเมียม 5% จะส่ง ตะวันแดงเบียร์รุกตลาดต่อไป โดยตั้งราคาเริ่มต้นกระป๋องละ 40 บาท และขวด 60 บาท
3. การตลาด “เบียร์”กับ “บอล” จะใช้แบรนด์คาราบาวคัพ มาสู่คาราบาวเบียร์ จากการประสบความสำเร็จในการเป็นสปอนเซอร์ในการชิงแชมป์ฟุตอลถ้วยคาราบาวคัพที่ประเทศอังกฤษมา 7 ปีและพร้อมใช้ความได้เปรียบนี้รุกตลาดอังกฤษ, สหรัฐ, ออสเตรเลียและภูมิภาคอาเซียนต่อไปในเร็วๆนี้
4. เครือข่ายการกระจายสินค้าใหม่ผ่านเอเยนต์ระดับอำเภอ 790 ราย ร้านค้าปลีก 8 หมื่นร้านค้า ร้านซีเจมอลล์และร้านถูกดีมีมาตรฐาน 6,000 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งบิ๊กซี, โลตัส ส่วนเซเว่น อีเลฟเว่นกำลังเจรจา ปัจจุบันกระจายได้แล้ว 80% ทัวประเทศ
อีกปัจจัยสำคัญที่มั่นใจคือความได้เปรียบจของกลุ่มคาราบาวคือการรุกตลาดเบียร์พร้อมกัน 5 รสชาติ เพราะโรงเบียร์ของคู่แข่งผลิตแต่เบียร์ลาเกอร์เพียงประเภทเดียวเท่านั้น อาจเป็นเพราะข้อจำกัดของโรงเบียร์ที่ตั้งมานาน ไม่สามารถผลิตประเภทอื่นได้

ทางกลุ่มคาราบาวมองเห็นโอกาสนี้จึงพัฒนาและส่งเบียร์หลากหลายรสชาติให้คอเบียร์ได้ทดลองชิมกัน ซึ่งบางรสชาติในปัจจุบันนี้เป็นเทรนด์ของนักอื่มในสหรัฐฯ และอังกฤษ ซึ่งเป็นคราฟท์เบียร์เช่นเบียร์ IPA ที่แบรนด์ตะวันแดงเตรียมวางตลาดต่อไป น่าจะได้รับความนิยมสูง
ประกอบกับเทรนด์ของผู้บริโภคยุคนี้มีความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและนิยมบอกต่อกันเป็นกระแสหากรสชาติถูกใจแล้วจะแนะนำเพื่อนๆ หรือคนรู้จักให้ทดลองดื่มกัน ซึ่งเป็นโอกาสของกลุ่มคาราบาว ซึ่งหลังจากทดลองวางตลาดพียงสัปดาห์แรกปรากฏว่าเบียร์ไม่พอขาย มีแต่คนถามหากัน
“ปีแรกเราอยากได้ส่วนแบ่งตลาดเบียร์ 10% หรือมียอดขาย 20,000 ล้านบาท และเราก็อยากเป็นที่หนึ่งในตลาดเบียร์ไทยเช่นกัน ซึ่งจะต้องทำส่วนแบ่งตลาดให้ได้มากกว่า 30% ขึ้นไป” นายเสถียรกล่าวในที่สุด