เปิดประเทศ 12 วัน สุดคึกคัก! ศบค.เผยนักท่องเที่ยวลงทะเบียนกว่า 1.47 แสนคน สหรัฐฯมามาสุด จ่อขยายเพิ่มประเทศมาไทยช่วง ม.ค.65



นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงภายหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า วันนี้ (12 พ.ย.64) ที่ประชุมรับทราบผลการเปิดประเทศ ว่าขณะนี้มีผู้ลงทะเบียน 147,503 คน ได้รับอนุมัติเข้าประเทศประมาณ 92,000 คน หรือ 63% ส่วนที่ไม่ได้รับการอนุมัติเนื่องจากโรงแรม และประกันภัยไม่ผ่าน หรือจองมาผิดที่ โรงพยาบาลที่คู่สัญญาไม่มีมาตรฐาน SHA พลัส และมีอีกหลายสาเหตุ ซึ่งที่ประชุมพูดคุยและหาช่องทางแก้ปัญหาเกี่ยวกับความไม่พร้อมในเรื่องต่างๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รับทราบทุกปัญหา และมอบผู้ที่เกี่ยวข้องนำปัญหาไปแก้ไข พร้อมย้ำว่าทุกปัญหามีทางแก้ไข เพื่อเดินหน้าต่อไปและชื่นชมทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องการการทำงาน

นอกจากนี้ มีผู้ที่เดินทางเข้ามาแบบ เทสต์ แอนด์ โก จำนวน 34,794 คน และจากแซนด์บ็อกซ์ จากการกักตัวทางเลือก7 วัน หรือ 10 วัน เดินทางเข้ามา ทั้งหมดเป็นการทดสอบระบบเปิดประเทศของไทย ซึ่งผลเป็นที่น่าชื่นใจ และผลจากการที่มีระบบหลายรูปแบบ การตรวจสอบท่าอากาศยานในหลายจังหวัด พบว่าผู้ที่เดินทางเข้ามากว่า 30,000 คน พบติดเชื้อเพียงแค่ 38 คน บวกติดเชื้อรายใหม่วันนี้อีก 3 ราย โดยรวมแล้วอัตราการติดเชื้อทั้งประเทศแค่ 0.11%  ซึ่งเป็นค่าที่ต่ำมาก 

รวมถึงค่าความเสี่ยงยังอยู่ในระดับที่จัดการป้องกันได้ เพราะมีระบบคัดกรองป้องกันไม่ให้คนที่มีเชื้อนำเชื้อเข้ามาและแยกผู้ติดเชื้อออกไปได้ โดยประเทศที่เดินทางเข้ามามากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 4,200 คน พบติดเชื้อ 7 คนหรือ 0.17% เยอรมนี 3,890 คน ติดเชื้อ 3 คน หรือ 0.08% สหราชอาณาจักร 2,011 คน ติดเชื้อ 7 คน หรือ 0.35% 

“ขอให้ประชาชนเข้าใจและสบายใจว่า รัฐบาลมีมาตรการรองรับ ทุกอย่างเปิดเผยได้ทั้งหมดเพื่อสะท้อนภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ส่วนมาตรการการเข้าประเทศตามแผนการเปิดประเทศในช่วงเวลาต่างๆ ขณะนี้ยังอยู่ในระยะที่หนึ่งทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนเดิม” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ส่วนแผนในเดือน ธ.ค.นี้ ที่ประชุมได้พูดคุยถึงการปรับวิธีตรวจเชื้อแบบ RT-PCR เป็น ATK เพื่อลดขั้นตอนการเสียเวลา เรื่องนี้ที่ประชุมรับทราบ โดยทางคณะกรรมการและนักวิชาการ กำลังประชุมและขอเวลาตรวจสอบข้อมูลว่า สิ่งที่ทำมาจนถึงเวลานี้ มีอะไรเกิดขึ้น และเห็นว่ามาตรฐานการตรวจแบบ RT-PCR เชื่อถือได้มาก 

ดังนั้นหากต้องปรับมาเป็น ATK จะต้องมีการศึกษากันก่อน และยังมีเวลาพิจารณาก่อนถึงวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ขณะที่ในช่วงเดือน ม.ค.65 อาจจะเพิ่มประเทศที่เดินทางเข้ามามากขึ้น และอาจจะตรวจด้วย ATK ซึ่งทั้งหมดนี้ยังเป็นแผนที่พูดคุยและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยจะดูสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นหลัก เพื่อตัดสินแผนดำเนินงานมนอนาคตต่อไป