นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงภาพประชาชนที่ยื้อแย่งซื้อเหล้าเบียร์ ภายหลังจากมีการผ่อนปรนให้มีการขายได้ในบางพื้นที่ว่า ก็จะต้องใช้วิธีเตือนก่อนเพราะยังไม่ถึงขนาดว่าผิดอะไร ต่างคนต่างก็ยังไม่คุ้นกันอยู่ วันนี้เราก็ใช้วิธีเตือนแล้วจัดระบบกันใหม่ การที่ประชาชนไปยื้อแย่งกันอย่างนั้น มีความเป็นห่วงกันมากว่าอาจสุ่มเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อโควิด-19 ได้ นายวิษณุ กล่าวว่า เราก็รู้อยู่ ก็บอกแล้วว่าทุกคนก็ต้องระวังตัวเอง ห้างสรรพสินค้าก็ต้องระวังด้วย เพราะมันอันตรายกับทั้งผู้บริโภคและคนขาย รวมถึงทางห้างสรรพสินค้าด้วย
“เรื่องนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดูกันอยู่ ถ้าสมมติว่ามันคุมไม่อยู่ก็อาจจะต้องห้ามหรือปิดเฉพาะแห่ง ห้างนั้น ร้านนั้น เฉพาะแห่งไป ร้านอื่นไม่เกี่ยว แต่หากลุกลามมากก็อาจจะปิดเป็นกิจการซึ่งหากเป็นเช่นนั้น 17 ห้างโดนหมด 6 กิจการก็โดนหมด อย่างในต่างจังหวัดร้านอาหารที่เปิด จะมีการเปิดหมด แต่ถ้าร้านไหนไม่ระมัดระวัง ไม่มีมาตรการป้องกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดก็สามารถปิดเฉพาะร้านนั้นได้ร้านเดียว”
นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับบางจังหวัดที่ยังเปิดให้ขายเหล้าอยู่ ก็จะเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัดที่จะประเมินความเสี่ยงเอง มันมีคำสั่ง 2 ระดับที่ต้องเข้าใจคือ คำสั่งกลางของรัฐบาล ซึ่งกำหนดไม่ให้ดื่มในร้าน ส่วนอีกระดับคือระดับผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งทางผู้ว่าจะไปพิจารณาเองตามกฎหมายโรคติดต่อ ไม่ได้สั่งตามพรก.ฉุกเฉิน ซึ่งก็ต้องดูเป็นจังหวัดๆไป แต่ที่สำคัญจังหวัดไหนใช้อำนาจของพรบ.โรคติดต่อสั่งปิดแล้ว วันหลังจะเปลี่ยนเป็นเปิดไม่ได้ ต้องมาให้ส่วนกลางเป็นผู้อนุญาต เพราะตอนสั่งปิดอาจเห็นว่า จะต้องเข้ม แต่พออยู่ไป ไปเปิดเพราะเห็นว่า ไม่เป็นไรแล้ว แต่มันอาจจะมีผลกระทบอย่างอื่นที่ทางจังหวัดนึกไม่ออก แต่รัฐรู้ อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพิจารณาดูทุกวัน ซึ่งโดยปกติก็ประมาณ 14 วัน เพราะทางแพทย์บอกแล้วว่า 14 วันอาการจะปรากฏ
“หากร้านไหนทำผิด โดยชุดที่เข้าไปตรวจสอบ ไปตรวจเจอ กรณีแบบนี้ 3 วัน หรือวันรุ่งขึ้นก็ปิดเลย อย่างวันนี้ก็เริ่มปิดแล้ว มีรายงานมาแล้วเป็นการปิดเฉพาะแห่ง เป็นร้านอาหาร ในกทม.เขาเตือนแล้วไม่ฟัง ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร” รองนายกฯ กล่าว