เซี่ยงไฮ้ประกาศตรวจหาเชื้อโควิด-19 ประชาชนอีกรอบ



.ในพื้นที่ทั้งหมดของ 9 เขตและอีกบางส่วนของ 3 เขต

.หลังพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม-ประชาชนหวั่นกลับมาล็อกดาวน์เข้มงวด

.ขณะที่มาเก๊าสั่งปิดโรงแรมชื่อดังหลังพบผู้ติดเชื้อกว่า 10 ราย

นครเซี่ยงไฮ้ของจีนเริ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชนจำนวนมากอีกรอบ สร้างความกังวลว่าจะกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด ตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Covid Zero) ขณะที่มาเก๊าสั่งล็อกดาวน์โรงแรมแกรนด์ ลิสบัว (Grand Lisboa) หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 10 ราย

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า รัฐบาลเซี่ยงไฮ้ออกแถลงการณ์ว่า จะตรวจหาเชื้อโควิด-19 รวม 2 รอบใน พื้นที่ 9 เขตจากทั้งหมด 16 เขต ของเซี่ยงไฮ้ รวมถึงบางพื้นที่ในอีก 3 เขต จนถึงวันที่ 7 ก.ค.นี้ เพื่อค้นหาและป้องกันความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด ส่วนยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 6 ก.ค. อยู่ที่ 24 ราย โดยทั้งหมดเข้าสู่สถานที่กักตัวแล้ว

แถลงการณ์ดังกล่าว ยังระบุว่า เซี่ยงไฮ้พบผู้ติดเชื้อหลายรายในเมื่อวันที่ 3 และ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยสถานที่แห่งหนึ่งในเขตผูโถ่ว ได้ถูกจัดให้เป็นสถานที่ความเสี่ยงสูง เนื่องจากพบบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงที่เชื่อมโยงกับสถานที่ดังกล่าว ได้เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในหลายเขตของเซี่ยงไฮ้ จึงก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ไวรัสจะแพร่ระบาดไปทั่ว

ทั้งนี้ นครเซี่ยงไฮ้เพิ่งฟื้นตัวหลังเผชิญกับการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งสร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อประชาชนและเศรษฐกิจจากการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ ทำให้จีนต้องติดอยู่กับวงจรของการปิดธุรกิจและกลับมาเปิดใหม่ โดยนำไปสู่สัญญาณบ่งชี้ถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ยังคงยืดเยื้อ

ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า รัฐบาลเขตปกครองพิเศษมาเก๊าสั่งล็อกดาวน์โรงแรมแกรนด์ ลิสบัว (Grand Lisboa) หนึ่งในโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดในมาเก๊า หลังพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 10 รายเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้สั่งล็อกดาวน์อาคารต่างๆ อย่างน้อย 16 แห่ง โดยไม่อนุญาตให้มีการเข้าและออก และได้สั่งกักตัวประชาชนกว่า 13,000 คน โดยนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. มาเก๊าพบผู้ติดเชื้อกว่า 900 ราย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้ว่ารัฐบาลมาเก๊าไม่ได้สั่งล็อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบเหมือนกับเมืองต่าง ๆ ของจีนเช่นเซี่ยงไฮ้ แต่สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนใหญ่ได้ถูกสั่งปิด และร้านอาหารสามารถให้บริการอาหารเฉพาะสั่งกลับบ้านเท่านั้น ส่วนประชาชน ทางการขอให้อยู่แต่ในบ้าน มีเพียงธุรกิจกาสิโนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ยังคงเปิดดำเนินงาน เพราะรายได้หลักของรัฐบาล หรือกว่า 80% มาจากอุตสาหกรรมกาสิโน