

วันนี้ (10 ส.ค.65) นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากฯ ได้ทำการสุ่มคัดเลือกผู้มีสิทธิ์ซื้อจอง ที่ลงทะเบียนและผ่านการคัดกรองคุณสมบัติรอบปี 65 แล้ว โดยได้รายชื่อผู้ซื้อจองรายใหม่รวมทั้งสิ้น 69,997 ราย จากผู้ผ่านคุณสมบัติทั้งหมด 299,353 ราย กระจายครบทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
โดยหลังจากนี้ ทางสำนักงานสลากฯ จะนำรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้น ประกาศผ่านทางเว็บไซต์สำนักงานสลากฯ www.glo.or.th ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 10 ส.ค.65 ก่อนนำเสนอให้คณะกรรมการสลากฯ เห็นชอบรายชื่ออย่างเป็นทางการวันที่ 11 ส.ค.นี้ เพื่อให้เริ่มใช้สิทธิ์ซื้อจองได้ตั้งแต่งวด 16 ก.ย.65 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ในส่วนผู้ที่พลาดสิทธิ์ในครั้งนี้ จะมีการจัดลำดับเก็บเป็นรายชื่อสำรองอีก 2 ปี ให้สามารถเลื่อนขึ้นมาทดแทนได้กรณีรายชื่อเดิมเสียชีวิต หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่สำนักงานสลากฯ ได้กำหนดไว้
ทั้งนี้ การเปิดรับสมัครและคัดเลือกผู้มีสิทธิ์ซื้อจองรายใหม่ปี 65 มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดให้ผู้ค้าสลากตัวจริง หรือผู้ที่มีความต้องการขายสลาก แต่ไม่เคยอยู่ในระบบ มีโอกาสเข้ามาซื้อสลากตรงกับสำนักงานสลากฯ เพื่อนำไปจำหน่ายในราคา 80 บาท ซึ่งเป็นการช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ และแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาไปในตัว ซึ่งจะทำให้มีรายชื่อผู้ซื้อจองสลากในระบบรายใหม่ รวมกับรายเพิ่มเป็นประมาณ 180,000 ราย ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอ และสอดคล้องกับปริมาณสลากที่มีอยู่

“แม้ผู้มีสิทธิ์ซื้อจองจะเพิ่มเป็น 180,000 ราย แต่สำนักงานสลากฯ ยืนยันว่าจะไม่พิมพ์สลากเพิ่ม เพราะมองว่าปริมาณ100 ล้านใบต่องวด เหมาะสมกับผู้ซื้อ อีกทั้งไม่ต้องการมอมเมาสังคม โดยสลาก 100 ล้านใบ สามารถแยกสัดส่วนเป็นสลากของผู้ค้าโควตา 30 ล้านใบ สลากดิจิทัล 10 ล้านใบ ร้านสลาก 80 อีก 2.5 ล้านใบ และมีสลากในระบบซื้อจองอีก 57.5 ล้านใบ ซึ่งทำให้แต่ละงวดผู้มีสิทธิซื้อจอง จะเข้าถึงซื้อสลากได้คนละ 5 เล่ม จำนวน 1-1.1 แสนคน”
นายธนวรรธน์ กล่าวด้วยว่า การเปิดสุ่มคัดเลือกในวันนี้ ทางสำนักงานสลากฯ ได้คำนึงถึงความโปร่งใส โดยได้นำคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่แกะกล่อง มาใช้ในการสุ่มเลือก และมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหน่วยงานกลางทำหน้าที่ตรวจสอบ ตัวเครื่องและโปรแกรม พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตรวจทานระบบให้อีกครั้ง

จากนั้นจึงเริ่มทำการสุ่มคัดเลือก โดยเรียงทีละภาค และแยกเป็นรายจังหวัด ซึ่งจะมีสัดส่วนมากน้อยต่างกันตามปริมาณผู้สมัคร เช่น จังหวัดเลยได้มากสุด 8,604 ราย เพราะมีผู้สมัครมากถึง 36,793 ราย พร้อมกับมีตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเข้าร่วมสังเกตการณ์ เริ่มจากภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคเหนือ พร้อมกับถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก ตลอดทั้งกระบวนการ เริ่มตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี
อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ซื้อจองสลากฯ คือต้องไม่เป็นข้าราชการ พนักงานของรัฐ หรือลูกจ้างผู้มีรายได้ประจำ และสำนักงานสลากฯ จะพิจารณาให้สิทธิ์ผู้สมัครที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก่อน พร้อมกับได้ประสานตรวจสอบข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย กรมบัญชีกลาง กองทุนการออมแห่งชาติ และกระทรวงการคลัง เรียบร้อยแล้ว