“เคอร์ฟิว-WFH” ส่งผลยอดใช้น้ำมัน 9 เดือนแรกปีนี้ ลดลง 8.3%



นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์พลังงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 พบว่า การใช้พลังงานขั้นต้นเพิ่มขึ้น 0.01% จากการใช้ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน/ลิกไนต์ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า โดยเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปี  ขณะที่การใช้น้ำมันลดลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งภาครัฐมีการประกาศใช้มาตรการต่างๆ อาทิ การทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) การจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด และการประกาศเคอร์ฟิว เป็นต้น

สำหรับสรุปสถานการณ์การใช้พลังงาน 9 เดือนแรกของปี 2564 พบว่า 1. การใช้น้ำมันสำเร็จรูป ยอดใช้น้ำมันลดลง8.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการระบาดระลอก 3 ในเดือนเมษายน 2564 ต่อเนื่องมาจนถึงเดือนกันยายน แบ่งตามชนิดน้ำมัน ดังนี้ การใช้น้ำมันดีเซลลดลง 6.5% การใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ลดลง 9.2%การใช้น้ำมันเครื่องบิน ลดลง 44.9% การใช้น้ำมันเตา เพิ่มขึ้น 13.7% โดยส่วนใหญ่เป็นการใช้ในภาคขนส่ง

2. การใช้ LPG โพรเพน และบิวเทน เพิ่มขึ้น 8.1% โดยการใช้เพิ่มขึ้นจากฐานการใช้ที่ต่ำมากกว่าปกติในปี 2563 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แบ่งตามกลุ่มผู้ใช้ ดังนี้ ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น 24.3% ภาคอุตสาหกรรม ใช้เพิ่มขึ้น 11.9% ตามการขยายตัวของการส่งออก

ภาคครัวเรือน ใช้เพิ่มขึ้น 1.4% ภาคขนส่ง ใช้ลดลง 16.9% จากข้อจำกัดในการเดินทางในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 การใช้เอง ลดลง 36.8%

3. การใช้ก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้น 1.1% โดยการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นเกือบทุกสาขาเศรษฐกิจยกเว้นการใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ (NGV) โดยแบ่งตามการใช้งานได้ดังนี้ ใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 0.2% ตามความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 7.7 ใช้เป็นเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี 1.6% ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ (NGV) ลดลง 19.7% จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นข้อจำกัดทำให้การใช้ NGV ในการเดินทางลดลง

4. การใช้ไฟฟ้า ความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุดในระบบ 3 การไฟฟ้า (System Peak) ของปี 2564 เกิดขึ้นเมื่อวันที่31 มีนาคม 2564 เวลา 14.49 น. อยู่ที่ระดับ 31,023 MW เพิ่มขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน

สำหรับการใช้ไฟฟ้าในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 143,663 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 1% ดังนี้ การใช้ไฟฟ้าในสาขาอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 5.5% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การผลิตสินค้าเพื่อส่งออกขยายตัวได้ดี

การใช้ในครัวเรือน เพิ่มขึ้น 0.7% จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด319 ที่ส่งผลให้ยังคงมีมาตรการWork From Home และการจำกัดการเดินทาง ,การใช้ไฟฟ้าในสาขาธุรกิจลดลง 7% จากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน อาทิ ธุรกิจโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และภัตตาคาร เป็นต้น

สำหรับแนวโน้มการใช้พลังงานปี 2564 สนพ. คาดการณ์ว่า การใช้พลังงานขั้นต้นทั้งปีจะเพิ่มเพียง 0.2% ตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มฟื้นตัวในช่วงต้นปี และการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แบ่งตามประเภทพลังงาน ดังนี้ ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน คาดว่ามีการใช้เพิ่มขึ้น 2.7% ลิกไนต์ คาดว่ามีการใช้เพิ่มขึ้น 8.1%

ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า คาดว่าเพิ่มขึ้น 15.4% , ยอดใช้น้ำมัน คาดว่าลดลง 7.8% อันเป็นผลจากการยกระดับมาตรการล็อกดาวน์ และการประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในเดือนกรกฎาคม 2564 ,การใช้ LPG ในภาคครัวเรือน คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ภาคอุตสาหกรรม คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10.9%

นอกจากนั้นยังมีการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 24.2%, ภาคขนส่งคาดว่ามีการใช้ลดลง 18.7% ก๊าซธรรมชาติ คาดว่าการใช้จะเพิ่มขึ้น 1.6% ,การใช้ไฟฟ้า คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2563 จากการฟื้นตัวของการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม สนพ. ยังคงจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และปัจจัยอื่น ๆ ที่จะส่งผลต่อการใช้พลังงานของประเทศอย่างใกล้ชิด อาทิ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก มาตรการในการป้องกัน โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ อย่างต่อเนื่อง