

ออมสินเผยปี 66 กำไรพุ่ง 3.3 หมื่นล้าน ลั่นไม่ได้เป็นผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย เกิดจากการบริหารจัดการที่ดี ลดค่าใช้จ่ายภายในได้ถึงปีละหมื่นล้าน
- ไม่หยุด ปีหน้าเดินหน้าต่อสินเชื่อเพื่อสังคม ผ่านโปรดักส์ทางการเงิน
- ปี 67 จ่อผุดธุรกิจนอนแบงก์ ช่วยกลุ่มลูกค้าเครดิตต่ำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกต่ำได้
- ลั่นยังตรึงอัตราดอกเบี้ยนานถึงสิ้นปี 66 จากนั้นจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสินเปิดเผยภายหลังงาน GSB Forum 2023 ภายใต้หัวข้อ “ ESG Social Pillar Driven” สังคมยั่งยืน เพื่อโลกที่ยั่งยืน ว่า ในปี 66 ธนาคารคาดการณ์ผลกำไรสุทธิจะสูงแตะระดับ 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่กำไรสุทธิอยู่ที่กว่า 27,000 ล้านบาท อีกทั้งยังสูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ที่อยู่ในระดับกว่า 20,000 ล้านบาท
“สำหรับกำไรที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เกิดการจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แต่อย่างใด แต่มาจาก 2 ส่วนสำคัญคือ การตัดลดค่าใช้จ่ายที่ออมสินทำได้ถึงปีละ 10,000 ล้านบาท และการวางกบยุทธ์นโยบายช่วยเหลือสังคม ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าของธนาคารให้เพิ่มขึ้น โดยในส่วนฐานลูกค้ารายย่อยได้เพิ่มขึ้นมากว่า 2 ล้านราย จาก 1.57 ล้านราย ใน 2 ปีก่อน เป็น 3.57 ล้านรายในปีนี้”
นายวิทัย กล่าวด้วยว่า ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นสามารถสะท้อนได้ว่า แผนนโยบายการช่วยเหลือสังคมผ่านโปรดักส์ทางการเงินต่างๆ ของธนาคาร หรือที่เรียกว่า Creating Shared Value หรือ CSV เป็นแนวทางที่ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ และเสริมสร้างความยั่งยืนให้แก่ธนาคาร รวมถึงทุกภาคธุรกิจ
โดยจากเดิมภาคธุรกิจรวมถึงธนาคาร จะเน้นช่วยเหลือสังคมโดยใช้โครงการที่เรียกว่า Corporate Social Responsibility หรือ CSR เป็นเครื่องมือช่วยเหลือ ซึ่งโครงการในลักษณะดังกล่าว ส่วนใหญ่จะเป็นแบบระยะสั้นและไม่ช่วยต่อยอดธุรกิจ หรือสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจและสังคมได้มากเท่าที่ควร
“จากนี้ธนาคารออมสิน จะเน้นเอาปัญหาสังคมไปใส่ในทุกโปรดักส์ทางการเงินของธนาคาร ยกตัวอย่าง เรื่องของสินเชื่อซึ่งก็มีส่วนช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน และการเข้าถึงแหล่งเงินของประชาชน โดยออมสินก็เข้าไปทำตลาดเรื่องสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ช่วยลดดอกเบี้ยในตลาดจากที่ประมาณ 28% เหลือ 18% สินเชื่อมีที่มีเงิน โดยปีหน้าธนาคารยังเตรียมตั้งบริษัทลูก ทำธุรกิจนอนแบงก์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ออมสินทำมาตลอด 3 ปี รวมยอดกว่า 60 โครงการ และช่วยเหลือสังคมได้มากขึ้นกว่า 3 ล้านราย ส่งผลให้ฐานลูกค้ารวมของธนาคารขยายใหญ่ขึ้น”
นายวิทัย กล่าวด้วยว่า ธนาคารออมสินจะยังคงยืนยันในการตรึงอัตราดอกเบี้ยให้นานถึงสิ้นปี 66 นี้ จากนั้นจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง หากเงินฝากตรึงตัวมาก ก็จะต้องดูสถานการณ์แข่งขันของเงินฝากประกอบการพิจารณาด้วย เนื่องจากต้นทุนหลักธนาคารคือเงินฝาก ทั้งนี้ โครงสร้างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของออมสิน ถือว่าต่ำกว่าระดับทั่วไปค่อนข้างมาก แม้ว่าลูกหนี้รายย่อยจะมีความเสี่ยงสูง
ทั้งนี้ หากธนาคารต้องการกำหนดอัตราดอกเบี้ยให้สะท้อนถึงความเสี่ยงของธนาคาร ที่ส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อยธนาคารต้องปรับอัตราดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยขึ้นอีก 0.50%-0.75% แต่ขณะนี้ ทางธนาคารยังไม่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามความเสี่ยงดังกล่าวแต่อย่างใด
“ขอย้ำว่ากำไรที่เพิ่มขึ้น ไม่ได้มาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยการตรึงดอกเบี้ยดังกล่าวมีผลทำให้อธนาคารสูญเสียรายได้ แต่ออมสินใช้วิธีการหารายได้ในส่วนอื่นมาชดเชย เช่น การขยายขอบเขตธุรกิจในการช่วยคน โดยการเข้าไปทำธุรกิจใหม่ ลดอัตราดอกเบี้ยให้ และให้กลุ่มฐานรากเข้าสู่ระบบสินเชื่อ เป็นต้น”
ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 67 ออมสินยังมีแผนบุกตลาดธุรกิจนอนแบงก์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการ การขอใบอนุญาตดำเนินธุรกิจจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยธุรกิจสินเชื่อนอนแบงก์นี้ จะสามารถรับความเสี่ยงได้มากกว่าธุรกิจของธนาคารตามปกติ นั้นหมายความว่า จะสามารถดึงคนที่เครดิตต่ำหรือไม่มีเครดิต ที่ไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินตามปกติได้ สามารถมาขอกู้จากนอนแบงก์นี้ได้ ส่งผลให้คนเหล่านั้นไม่ต้องไปกู้เงินนอกระบบ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงมาก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในส่วนของหนี้เสียที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ออมสินสามารถจัดการให้อยู่ในระดับที่ต่ำราวๆ 3% ของสินเชื่อคงค้าง โดยทางธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มไปแล้วกว่า 50,000 ล้านบาท