“อนุสรณ์” ชี้เวลาของ “บิ๊กตู่” เหลือน้อย



นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ใช้ความรุนแรงในการดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุม มากกว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ออกแถลงการณ์ จะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตราเอาผิดผู้ชุมนุม นักเรียน นิสิตนักศึกษา ประชาชน นักวิชาการ นักสิทธิมนุษยชน แม้แต่สื่อมวลชนในประเทศ ต่างประเทศ ต่างวิเคราะห์ด้วยท่าทีเดียวกันว่า เป็นการส่งสัญญาณใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม พรรคพลังประชารัฐ จะเห็นว่าไม่รุนแรงเพราะตัวเองได้ประโยชน์ก็เป็นสิทธิ แต่ประชาชนคิดวิเคราะห์ประเมินได้พล.อ.ประยุทธ์ สารภาพกับสื่อต่างประเทศแล้วว่า วางแผนในการทำรัฐประหารมา3 ปี การชุมนุมชัตดาวน์ประเทศ ชัตดาวน์ระบบราชการ ก่อจลาจลล้มและขัดขวางการเลือกตั้ง อาจเป็นไปตามทฤษฎีสมคบคิด เพื่อหาเหตุปัจจัย นำไปสู่การทำรัฐประหาร

ในเวลานั้นประชาชนตั้งคำถามถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น อาจเป็นการสร้างสถานการณ์เพื่อยึดอำนาจ ทั้งที่รัฐบาลยุบสภาแล้ว จัดให้มีการเลือกตั้งแล้ว ผู้ชุมนุมม็อบนกหวีด ก็ไม่หยุด เพราะเป้าหมายสูงสุดคือการยึดอำนาจ ทำรัฐประหาร เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจในขณะนั้น ยืนตรงข้ามกับรัฐบาล สภาพยิ่งกว่าเกียร์ว่างคืออยู่ในสภาวะ ล็อกเกียร์ แตกต่างจากรัฐบาลประยุทธ์ ทหารตำรวจในเครื่องแบบนอกเครื่องแบบทุกหน่วยงานแข็งขันในการปราบปรามนักเรียนนิสิตนักศึกษาอนาคตของชาติ

นอกจากนั้นตำรวจเองยังออกมาขอโทษหลายครั้ง กรณีมือลั่น ฉีดน้ำแรงดันสูงผสมแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ดำเนินการผิดหลักสากลจนนานาชาติออกมากดดัน การชุมนุมของนักเรียนนิสิตนักศึกษาไม่มีอาวุธ มีแต่สิ่งป้องกันอันตรายจากอาวุธ คือเป็ดเหลือง เท่านั้น เป็นการชุมนุมแบบแฟลชม็อบ คือมีเวลามา เวลากลับชัดเจน เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ การที่รัฐบาลส่งสัญญาณใช้ความรุนแรงจึงถูกนานาชาติกดดัน

“เวลาของพล.อ.ประยุทธ์ เหลือน้อยลงทุกขณะ พวกที่จะออกมาช่วย อย่าเจตนาดี แต่แฝงประสงค์ร้าย ต้องแยกแยะให้ดี วาระสุดท้ายของพล.อ.ประยุทธ์ จะพังด้วยลิ่วล้อที่ไม่ยอมพูดความจริง ยังคงสะกดจิตตัวเองว่ามีคนชักใยนักเรียนนิสิตนักศึกษาอยู่ข้างหลัง ตั้งโจทย์ผิดจะได้ผลลัพธ์ที่ถูกได้อย่างไร” นายอนุสรณ์ กล่าว