

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงการจัดหาพื้นที่รองรับผู้ป่วยใน กทม.ว่า ในส่วนของโรงพยาบาลบุษราคัม จากการที่ตนเข้าหารือร่วมกับท่านประธานเมืองทองธานี เพื่อขอต่อสัญญาเช่าพื้นที่ ได้รับความอนุเคราะห์ใช้พื้นที่ไปจนถึงประมาณเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ เราจะเร่งเปิดพื้นที่ฮอลล์กลาง อีกประมาณ 2 พันเตียง ดังนั้น รพ.บุษราคัม จะสามารถเปิดเตียงรองรับได้มากถึง 4,000 – 5,000 เตียง ทั้งนี้ เราได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ผู้ประกอบการที่มอบอุปกรณ์ที่จำเป็นจะต้องใช้ ถือเป็นความร่วมมือของผู้ประกอบการที่ให้การดูแลเพื่อนร่วมชาติ
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า วันนี้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ และ นายภราดร ปริศนานันทกุล พร้อมด้วยกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหาร หาบเร่ แผงลอย พ่อค้า แม่ค้าอิสระ ได้เข้ามาหารือกับ สธ. เพื่อขอให้มีการพิจารณาจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารเล็กๆ ทั่วไป และหาบเร่แผงลอย เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นการซื้อกลับบ้าน แต่ก็มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้คนจำนวนมาก และผู้ค้าขายเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม และเป็นกลุ่มที่อยู่นอกกลุ่มที่จะสามารถลงทะเบียนรับวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อม หรือไทยร่วมใจได้ เบื้องต้นที่ทราบคาดว่าจะมีประมาณ 200,000 คน
” ประชาชนในประเทศไทยต้องได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ระดับประเทศให้เกิดขึ้น ตนรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย โดยมีนโยบายให้เกิดการรวมกลุ่มมาในลักษณะภาคีเครือข่าย เพื่อกรมควบคุมโรคจะได้พิจารณาจัดสรรวัคซีน เฉลี่ยให้ในลักษณะกลุ่ม เหมือนกับที่ได้ฉีดให้กับกลุ่มผู้ขับรถรับจ้าง ขนส่งสาธารณะ กลุ่มครูในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อย่างไรก็ตาม จะต้องหารือแนวทางร่วมกันอีกครั้ง แต่คาดว่าน่าจะใช้ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เป็นจุดฉีดหลัก”
เมื่อถามถึงวัคซีนที่จะนำมาฉีดให้กับกลุ่มภาคีเครือข่ายดังกล่าว นายอนุทิน กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ต้องไปหารือร่วมกับประกันสังคม และกรุงเทพมาหนคร(กทม.) ภายใต้การจัดการของระบบราชการ เพื่อไม่ให้กระทบกับจำนวนวัคซีนที่จะต้องนำไปฉีดให้กับคนอื่นๆ ด้วย