

- เผยปรับตัวขึ้น จากปัจจัยคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ
- ชี้ความขัดแย้ง รัสเซีย-ยูเครน ยังกดดันให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการปรับตัวสูงขึ้น
- พร้อมวอนรัฐ ยกเลิก Test&Go กระตุ้นท่องเที่ยว เร่งแก้ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน
- ทบทวนการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร-เจรจาขยายเวลาเปิดด่าน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2565 ว่า อยู่ที่ระดับ 89.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งนี้ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ขยับสูงสุดในรอบ 25 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563
ทั้งนี้องค์ประกอบที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ทั้งคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ ปัจจัยที่สนับสนุนความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้ได้แก่ การผ่อนคลายมาตรการควบคุม โควิด-19 ในประเทศและหลายประเทศทั่วโลกส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวและความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และการปรับรูปแบบมาตรการ Test & Go ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ช่วยอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น อีกทั้งในเดือนมีนาคมผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเร่งการผลิตสินค้า เพื่อส่งมอบก่อนวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์
อย่างไรก็ตาม ในส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยังกดดันให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการปรับตัวสูงขึ้น ทั้งจากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบ อาทิ อาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี สินแร่สำหรับผลิตเหล็กอลูมิเนียมเป็นต้น
นายสุพันธุ์ กล่าวว่า จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,303 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2565 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นได้แก่ ราคาน้ำมัน 78.5% สภาวะเศรษฐกิจโลก 55.2% ปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของโควิด 62.2% เศรษฐกิจในประเทศ 48.1% อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์42.3% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 40.1% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 39.5% ตามลำดับ
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 97.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มคลี่คลายลงจากการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ ทำให้ประชาชนสามารถออกมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น ส่งผลอุปสงค์ในประเทศมีทิศทางดีขึ้น ขณะที่ภาคการส่งออกของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ ทาง ส.อ.ท. ยังมีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ อันประกอบด้วย 1.ยกเลิกมาตรการ Test & GO เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขในการรองรับการปรับให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นเพื่อ สร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนและนักท่องเที่ยว
2.เร่งแก้ไขปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนและวัตถุดิบราคาแพง อาทิ ปรับลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็นต่อภาคการผลิตรวมทั้งปลดล๊อคเงื่อนไขและโควต้าการนำเข้าวัตถุดิบโดยเฉพาะในวัตถุดิบที่ขาดแคลน
3.ทบทวนการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) และออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME เพื่อลดต้นทุนการผลิตเช่น ส่วนลดค่าไฟฟ้า
4.เร่งเจรจากับจีน-เวียดนาม ขอขยายเวลาเปิดด่านเป็น 24 ชม. เพิ่มช่องทาง Green Lane ในการตรวจสินค้าผลไม้รวมทั้งการเตรียมแผนสำรองในการส่งออกผลไม้ทางเรือ/เครื่องบิน เพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนผ่านด่านทางบก