

- ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย
- แม้ระบาดลดลงรัฐบาลจะต้องควบคุมเข้มข้น
- เศรษฐกิจไทยปีนี้หดตัว-5%ถึง-3%
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน(กกร.)ที่ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยสมาคมธนาคารไทยและส.อ.ท.ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งในไทยและต่างประเทศ ฉุดเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี นี้ โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรก บ่งชี้ถึงการหดตัวลงของแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจในแทบทุกด้าน มีเพียงการใช้จ่ายของผู้บริโภคในหมวดสินค้าจำเป็นที่ยังขยายตัวได้ ขณะที่การส่งออกที่รวมทองคำค่อนข้างทรงตัว

“เมื่อมองต่อไปในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่โควิด-19 ในเดือนเม.ย. มีความรุนแรงขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศ เครื่องชี้เศรษฐกิจจะยิ่งสะท้อนภาพการหดตัวที่ลึกขึ้น จากผลกระทบที่ขยายเป็นวงกว้างทั้งในภาคบริการ ภาคการผลิต รวมทั้งการจ้างงานและกำลังซื้อของประชาชน ซึ่งมาตรการของภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ มีส่วนช่วยบรรเทาผลกระทบได้ระดับหนึ่ง”
ทั้งนี้ เมื่อโควิด-19 ในไทยเริ่มคลี่คลาย จนภาครัฐทยอยผ่อนปรนให้กิจการบางประเภทกลับมาเปิดให้บริการภายใต้แนวปฏิบัติที่ระมัดระวังโดยคงมาตรการ Social Distancing(การเว้นระยะห่างทางสังคม) ไว้ แต่ ด้วยสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การประกอบกิจการของภาคธุรกิจบนภาวะปกติใหม่ (New Normal) ยังเต็มไปด้วยความความท้าทาย ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจหลักในโลกล้วนได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และหลายประเทศสถานการณ์ยังไม่ยุติ ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะอยู่ในภาวะถดถอยในปี นี้ ซึ่งจะเป็นแรงกดดันอย่างต่อเนื่องต่อการส่งออกและภาคการผลิตในไทย·
ดังนั้น ภายใต้สมมติฐานที่ไม่เกิดการระบาดระลอกใหม่ทั้งในไทยและต่างประเทศ และภาครัฐทยอยผ่อนปรนการดำเนินกิจการเพิ่มเติมตามลำดับ กกร. มองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจน่าจะค่อยๆ กลับมาดีขึ้นหรือฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด และทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะหดตัวน้อยลงจากในช่วงครึ่งปีแรก สำหรับทั้งปี นี้ กกร. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยอาจหดตัวในกรอบ -5.0% ถึง -3.0% ดีกว่าที่ กองเงินการทุนระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) ประเมินไว้ว่าจะหดตัว -6.7% เนื่องจากภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ มีมาตรการเยียวยาที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ขณะที่ กกร. คงคาดการณ์เมื่อเดือน เม.ย. ที่มองว่า การส่งออกในปี นี้ อาจจะหดตัว -10.0% ถึง -5.0% และเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ในกรอบ -1.5% ถึง 0.0%
สำหรับ ในประเด็นของหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) กกร. มีความเห็นว่า ขอให้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยให้มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในเนื้อหา และจุดยืนในการเจรจาครั้งนี้ ว่าประเทศจะได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ในเรื่องใดบ้าง เพื่อจะได้เสนอข้อมูลให้ภาครัฐได้ทราบจุดยืนที่ชัดเจนมากขึ้นโดยกกร. ได้มีคณะทำงานเรื่องดังกล่าว ที่จะประชุมเพื่อหาข้อสรุปในประเด็นด้านต่างๆที่เกี่ยวข้องกับซีพีทีพีพี ภายใน 1 เดือน
นอกจากนี้ กกร. ได้นำเสนอมาตรการต่างๆ ทั้งด้านภาษี การเงิน แรงงาน สาธารณูปโภค ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ เพื่อเยี่ยวยาและฟื้นฟูภาคธุรกิจจากภัย โควิด -19 จำนวน 34 มาตรการ และรัฐบาลได้เห็นชอบ แล้ว 11 มาตรการ และอยู่ระหว่างดำเนินการ 11 มาตรการ
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลายและมีการคลายล็อกจากรัฐบาล ดังนั้นภาคธุรกิจจะให้พนักงานทำงานที่บ้าน หรือ เวิร์ก ฟอร์ม โฮม ลดลงเหลือ 50% จากจำนวนพนักงานที่ทำงานที่บ้าน โดยจะคงมาตรการนี้เป็นเวลา 1เดือน อีกเพื่อลดการแออัดของประชาชนในสถานที่ต่างๆ และต้องการติดตามผลการคลายล็อกของรัฐบาลด้วย