“สมคิด”เตรียมชงครม.กู้เงิน 400,000 ล้านบาท ลุยสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน



  • เล็งอบรมสร้างอาชีพในชุมชน พร้อมดึงปตท.ช่วยขายสินค้าเกษตร
  • หลังคาดโควิด-19กระทบเศรษฐกิจไตรมาสสองหนัก
  • ชี้ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในประเทศ

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมแนวทางการฟื้นฟูเกษตรกรหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19)ว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สองของปีนี้ จะได้รับผลกระทบจากโควิดอย่างเต็มที่ ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อการลงทุน การส่งออกและการท่องเที่ยวภายในประเทศแน่นอน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก  ดังนั้นในสัปดาห์หน้าจึงเตรียมเสนอโครงการเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา โดยจะใช้วงเงินกู้ 400,000 ล้านบาท จากพระราชกำหนด( พ.ร.ก.) เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าเม็ดเงินจำนวนนี้ทยอยเบิกจ่ายได้ในปลายเดือนพ.ค.นี้

นายสมคิด กล่าวว่า ต้องใช้วิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาสในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศเกิดขึ้น ซึ่งจะมีแนวทางการพัฒนา 3 เรื่องหลัก คือ 1.การสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เข้มแข็ง เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงกับการตลาดและการท่องเที่ยว 2.การนำระบบดิจิตอลมาช่วยสร้างฐานข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย และ3.การทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นไปเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค (Regional Hub)

“โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจชุมชน 400,000 ล้านบาทดังกล่าว จะต้องมีแผนที่ปฎิบัติได้ และมีขั้นตอน โดยจะเริ่มจากการนำคนมาฝึกอบรม ซึ่งส่วนนี้รัฐบาลจะให้เงินเป็นค่าจ้างให้คนมาอบรมด้วย เพื่อให้คนเหล่านั้นมีรายได้ และหลังจากอบรมการประกอบอาชีพแล้ว จะสนับสนุนสินเชื่อโดยให้ดอกเบี้ยต่ำ และหาตลาดให้ โดยอยากให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปตท. ซึ่งมีปั้มน้ำมันอยู่ทั่วประเทศมาช่วยขายสินค้าการเกษตร เช่น แทนที่จะเติมน้ำมันแล้วแถมน้ำดื่ม อาจเป็นการให้ผลไม้แทน รวมทั้งการดึงเกษตรกรอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทฟาร์มเมอร์ เข้ามาช่วยเป็นแกนนำภาคการเกษตร ”

นอกจากนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ได้เสนอโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและธุรกิจชุมชนสร้างไทย ให้ที่ประชุมพิจารณา ประกอบด้วย 1. การสร้างความมั่นคงทางอาหาร 2.การสร้างความ