

วันที่ 17 ส.ค. 64 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวความคืบหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 รอบวันที่ 16 ส.ค. ณ เวลา 18.00 น. 508,498 โดส รวมสะสม 24,100,631 โดส โดยเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 18,370,997 โดส เข็มที่ 2 จำนวน 5,228,157 โดส และเข็มที่ 3 จำนวน 501,477 โดส ทั้งนี้ เมื่อแยกดูในส่วนของเข็มที่ 1 กว่า 18 ล้านโดสนั้น คิดเป็นความครอบคลุมเข็มที่ 1 อยู่ที่ 25.5% ส่วนเข็มที่ 2 ครอบคลุมที่ 7.3% ของประชากร ขณะที่หากแยกตามชนิดวัคซีน พบว่า ซิโนแวค จำนวน 11,399,453 โดส แอสตร้าเซนเนก้า 10,255,294 โดส ซิโนฟาร์มที่ 2,036,818 โดส และไฟเซอร์ 409,066 โดส
สำหรับกรณีมีความจำเป็นในการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม 12 ล้านโดสนั้น นพ.เฉวตสรร กล่าวย้ำว่า วัคซีนทุกตัวที่องค์การอนามัยโลกรับรองมีประสิทธิภาพ ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และเป็นประโยชน์ในการป้องกันการติดเชื้อ ลดการป่วยรุนแรง จึงไม่ควรไปด้อยค่าวัคซีน ช่วงที่มีการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่เข้ามา หากฉีดครอบคลุมได้ช้า โอกาสการป้องกันจะยิ่งน้อยลง เพราะวัคซีนทุกตัวเมื่อเจอสายพันธุ์ใหม่ ประสิทธิภาพจะมีส่วนที่ลดลง เราจึงจำเป็นที่จะต้องนำวัคซีนซิโนแวคมาเพิ่ม เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันอย่างรวดเร็ว ด้วยการฉีดไขว้กัน ฉีดวัคซีนเข็มแรกด้วยซิโนแวค ไขว้ด้วยเข็มที่สองแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้ฉีดได้เร็ว สามารถกระตุ้นภูมิได้ในระยะเวลา 3-4 สัปดาห์ ไม่ต้องรอถึง 3 เดือน จึงเป็นเหตุผลที่จำเป็นต้องจัดซื้อซิโนแวค เพิ่ม 12 ล้านโดส แก้ปัญหาแอสตร้าเซนเนก้าที่มีไม่เพียงพอเนื่องจากจัดส่งช้านั่นเอง
อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทวัคซีนเริ่มคิดรุ่นสองรองรับสายพันธุ์ใหม่ ๆ มีโอกาสเป็นวัคซีนในปีถัดไป ประชาชนจะได้ฉีดกระตุ้นเป็นรุ่นที่สองต่อไปด้วย การทำให้ฉีดวัคซีนครอบคลุมกว้างขวางที่สุด เร็วที่สุด เป็นยุทธศาสตร์วิธีที่ดีให้การควบคุมโรคเกิดประสิทธิผลจะได้กลับมาใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มัลใกล้เคียงปกติ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดำเนินชีวิตได้ เปิดประเทศได้
นพ.เฉวตสรร กล่าวอีกว่า ในส่วนของการฉีดวัคซีนในกลุ่มบุคลากรการแพทย์ด่านหน้านั้น ขอย้ำว่าวัคซีนเข็มที่ 3 มีนโยบายให้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข และบุคลากรด่านหน้า หากมีข้อสงสัย เห็นความผิดปกติให้แจ้งทางกระทรวงสาธารณสุขทันที เพื่อร่วมกันตรวจสอบเรื่องนี้ ซึ่งกรมควบคุมโรคได้แจ้งหนังสือให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องย้ำถึงเรื่องนี้แล้ว ว่า การฉีดต้องเป็นไปตามแนวทางและนโยบาย หากมีความผิดปกติให้เป็นความรับผิดชอบดูแลระดับจังหวัดในการตรวจสอบ