สถานการณ์น้ำยังน่าห่วง “กรมชลประทาน” เตือนพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำมากขึ้น



  • หลังมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่
  • ทั้งตอนบน-ตอนล่าง ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา
  • วอนประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยเกือบตลอดสัปดาห์ ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ และพิจิตร ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิง แม่น้ำน่าน และแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ กรมชลประทานได้ควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 700-900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) ในขณะที่พื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนตกหนักเช่นกัน ทำให้มีปริมาณน้ำที่ต้องเร่งระบายออก ส่งผลให้การระบายน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาทั้ง 2 ฝั่งทำได้เพียงเล็กน้อย ประกอบกับในระยะนี้มีฝนตกกระจายทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่บริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

โดยปัจจุบันมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 889 ลบ.ม./วินาที คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะมีแนวโน้มสูงขึ้นในเกณฑ์ประมาณ 900-1,100 ลบ.ม./ต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น โดยบริเวณคลองโผงเผงคลองบางบาล อำเภอบางบาล อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.60 – 1.00 เมตร และหากมีฝนตกเพิ่มเติม จะส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยามากกว่าเกณฑ์ดังกล่าว

“เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่จะเกิดขึ้น จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน บริษัท ห้างร้าน ที่ประกอบกิจการในแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร และประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริม 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด หากประชาชนหรือหน่วยงานใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง” นายทวีศักดิ์ กล่าว